svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" เปิดเส้นทางเงินสด 5 ล้าน มัด"อธิบดีอุทยานฯ"

29 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สุดฉาวส่งท้ายปีเสือดุ เมื่อป.ป.ช.บุกรวบ"อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช" พบเงินสดร่วม 5 ล้าน เอี่ยวเรียกเงินวิ่งเต้น รับส่วยลูกน้อง ต่อไปนี้เป็นการเปิดเผยของ"ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" ผ่านคมชัดลึก (ชมคลิป)

"รายการคมชัดลึก" โดย วราวิทย์ ฉิมมณี ได้สัมภาษณ์ "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี , "ดำรงค์ พิเดช" อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ"นิวัติไชย เกษมมงคล" เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.

 

เบื้องลึก จับสด “อธิบดีกรมอุทยานฯ” ส่งเงินต่อใคร?


"วราวิทย์" สรุปคือ"คุณชัยวัฒน์"คือคนที่ยอมเสี่ยงเข้าไปเป็นคนล่อซื้ออธิบดีเองถูกต้องนะครับ ตอนที่"คุณชัยวัฒน์"เข้าไปคือนำเงินมาส่งให้ 98,000 บาท ก่อนที่จะเข้ามานัดกับอธิบดีว่ามันเป็นค่าอะไรตรงนี้ครับ

 

"ชัยวัฒน์" คือก่อนหน้านั้นผมกลับไปรับราชการ วันที่ 3 ตุลาคม มีข้อตกลงกันมาก่อนซึ่งผมไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยทุกคนชี้แจงเราว่า ค่าใช้จ่ายของท่านอธิบดีที่ท่านเคยทำข้อตกลงเรียกไว้เขาเรียกไปเซ็นแล้ว ผมถามว่ามีได้ไงวัฒนธรรมเราไม่เคยมีมาสั่งเก็บแบบนี้ได้ไง เดิมเป็นผู้ดูแลสำนักคนเดิมเอาไปให้ แล้วขอ"ชัยวัฒน์"มาแล้วจะเอายังไงครับไม่งั้นจะต้องอะไร

 

ผมบอกหรอยังนั้นเดี๋ยวผมไปคุยกับอธิบดีก่อนว่าเรื่องนี้มันมีจริงมั้ย คือก่อนหน้านั้นผมไปร้องป.ป.ช.ไว้เรื่องนี้เรื่องเดียวกัน แล้วก็มาเจอเหตุการณ์จริงผมก็เลยคิดว่ายังไงเราก็อยู่ใต้บังคับบัญชาแล้ว เข้าไปพบผู้ใหญ่อธิบดีรัชฎาเขาก็ให้เราเข้าไปอยู่แล้ว เข้าไปผมก็ถามว่า ที่ท่านทำข้อตกลงไว้กับเจ้าหน้าที่ว่ามีการเก็บยอดเท่านี้ๆตอนนี้คนเก่าเขาเกษียณแล้ว ผมเนี่ยถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ได้แล้วจะทำยังไง ให้ผมถือมาให้เองเลยมั้ย แกก็กล้าบอกนะว่าให้ผมเอามา อันนี้เป็นประเด็นแรก

 

"ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" เปิดเส้นทางเงินสด 5 ล้าน มัด"อธิบดีอุทยานฯ"

 

"วราวิทย์" คุณชัยวัฒน์ก็เลยลองใจดู แล้วก็นำไปสู่การวางแผนเพราะว่าเรื่องเดิมเราก็แจ้งกับป.ป.ช.ไว้แล้ว

 

"ชัยวัฒน์" ใช่ครับคือผมร้องไว้เมื่อ 6 เดือนทีแล้ว แล้ววันที่ 22 ธันวาคม ป.ป.ช.ก็เรียกผมสอบสวนเรื่องนี้จะเอายังไงคุณมีหลักฐานเพิ่มเติมมั้ย คือตุลาคม-พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่มีการตั้งเบิกจ่าย คือตุลาคมจะไม่มีงบประมาณมา จะมาประมาณพฤศจิกายน พอธันวาคมเขาก็ตั้งเบิกจ่าย 2 เดือน เขาก็จะต้องเตรียมเงินก้อนนี้เอามาให้พอ แล้วเผอิญอธิบดีเขาก็ออกหนังสือเป็นคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักทั้ง 16 สำนักกับ 5 สาขา ขึ้นมาประชุมประจำเดือนธันวาคมที่กรมอุทยานของวันที่ 27 ธันวาคม 2565 

 

เหตุการณ์ก็สัมพันธ์กัน ผมไปสอบสวนวันที่ 22 กับป.ป.ช.ผมบอกจะเอายังไงเพราะคิดว่าทำแบบนี้ที่ผมร้องเรียนไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ เพราะว่ามันเป็นแค่เรื่องบอกเล่าแล้วไปสอบสวนขณะอธิบดีเป็นอธิบดีอยู่ เจ้าหน้าที่เขาก็ปฏิเสธอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้จ่าย เคยสอบสวนคดีอื่นๆอยู่แล้วไปไม่ถึงอธิบดีฯ

 

"วราวิทย์" แล้วพอใช้วิธีให้เงินสดหลักฐานที่มันจะเห็นชัดเจนก็ยาก เส้นทางการเงินที่จะไปตรวจ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องใช้วิธีล่อซื้อเพื่อให้คาหนัง มีบันทึกเสียงมีการจ่ายเงินกันจริง 

 

"ชัยวัฒน์" ผมใช้คำว่าเงินที่ตกลงจะต้องจ่าย หมายความว่าเขาเคยตกลงกันไว้ก็จ่ายตามนี้ ถ้าคุณไม่จ่ายคุณถูกย้ายเท่านั้นเอง เงินก้อนนี้มี 3 ซอง วันที่ 26 ธันวาคม ป.ป.ช.พอเขาเห็นข้อมูลแบบนี้เขาก็เลยพาผมไปคุยกับป.ป.ป.ยังไงก็เดินหน้าต่อเลยนะ แบบนี้ผมก็ผูกระเบิดติดตัวแล้วนะ เพราะถ้าไม่เดินหน้ากันต่อถือว่าผมถูกพลีชีพแล้ว อาจจะโดนฟ้องกลับ ทุกคนก็บอกว่าคุณชัยวัฒน์ไม่ต้องกลัว

 

"วราวิทย์" คุณชัยวัฒน์เงินมันจบที่อธิบดีมั้ยเท่าที่ทราบ

"ชัยวัฒน์" คือเรื่องนี้เราพูดเองไม่ได้ต้องสอบสวนให้ชัดเจน เพราะว่า ที่มาของอธิบดีคนนี้มีช่องทางเลนส์ของเขามาหลายเลนส์ เพราะงั้นเขาอาจจะไปส่งใครก็ได้ อาจจะส่งรัฐมนตรีของกระทรวงทรัพยฯหรือส่งปลัดกระทรวงทรัพยฯ หรือส่งคนอื่นรายอื่นที่เขามา เพราะว่าเส้นสายเขาอาจจะมีผู้ใหญ่คนหนึ่งฝากมา อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างให้ฟัง ผมให้ความเป็นธรรมทุกคนมาถึงวันนี้แล้วมันต้องว่าไปตามกฎหมาย

"วราวิทย์" ลึกๆแล้วคุณชัยวัฒน์เชื่อมั้ยว่าไม่จบแค่อธิบดี

"ชัยวัฒน์" ไม่จบหรอกครับ

 

"ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" เปิดเส้นทางเงินสด 5 ล้าน มัด"อธิบดีอุทยานฯ"

 

"ดำรงค์ พิเดช" จัดเกรดอุทยานฯรายได้ดีมีที่ไหนบ้าง

 

"วราวิทย์" ถามว่า คนที่เป็นอดีตรัฐมนตรีมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติหรือไม่ 

 

"ดำรงค์ พิเดช" ตอบว่า เรื่องนี้ไม่ปกติ เพราะอธิบดีแต่ละคนมาเป็น นโยบายไม่เหมือนกัน เพราะมีทั้งย้ายไปเพื่อทำเงิน ย้ายเพื่อทำงาน หรือย้ายเพราะถูกตั้งกรรมการสอบสวน ย้ายเพื่อตอบสนองผู้มีอำนวจ 
อธิบดี ต้องปฏิบัติ ขึ้นอยู่ว่าจะใช้กลยุทธ์อย่างไร แต่ปัจจุบันการย้ายครั้งนี้ผิดปกติ เพราะให้เดินทางไปรับตำแหน่งเดิม เป็นการออกคำสั่งหน่วยงานสนามทั่วประเทศ การออกคำสั่งย้ายมี 2 ชนิด คือ ย้ายไปกินตำแหน่ง ระดับ 8 เป็นอำนาจปลัดกระทรวง ส่วนระดับ 7 ลงมาเป็นอำนาจอธิบดีกรม แต่หากย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่งเดียวกันก็ทำได้ทันที อำนาจของอธิบดี 

 

"วราวิทย์" ถามว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ ออกคำสั่ง ทำไมถึงเป็นการเรียกรับผลประโยชน์ 

 

"ดำรงค์ พิเดช" ตอบว่า ป่าไม้ทุกคน มองออกว่าใครจะเรียกรับเงิน แต่บางคนเดือดร้อน เพราะต้องดูแลครอบครัว แต่ไม่อยากร้องเรียน ก้มหน้ารับชะตากรรม   เจ้าหน้าที่สนาม 2,000 กว่าหน่วยงาน 
เรียกว่าเปลี่ยนแปลงทุกตำแหน่ง ทำให้หัวหน้าภาคสนามที่ไม่อยากจะย้าย ต้องการกลับไปตำแหน่งเดิม ที่ครอบครัวอยู่ จึงเป็นช่องทางต้องวิ่งเต้น  ซึ่งเชื่อว่า จะมีแมวมอง คนใก้ลชิดอธิบดีประสานงาน เพราะระดับอธิบดีคงไม่"โง่ ไปเรียกรับผลประโยชน์ "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความประมาท คาดการณ์ไม่ถึง  มีลูกน้องเก่ามาร้องเรียน

 

ผมคิดว่าจะมีการเดินขบวนไปพบนายกรัฐมนตรี และมาร้องเรียน บอกให้ทำหนังสือมาจะเรียกมาสอบสวน  แต่ไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย เคยบอกผู้บังคับบัญชาที่ระดับสูงกว่าอธิบดีกรมอุทยาน ไปห้ามปรามอย่าใช้วิธีการโยกย้ายแบบเหมารวมทั้งประเทศ ซึ่งเขาก็รับปาก แต่ไม่รู้ว่าเตือนหรือไม่ ซึ่งไม่อยากยุ่งเกี่ยว  แต่ห่วงเรื่องคดีที่ทับลาน และ"ชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร" ถูกออกจากราชการ ทั้งที่เป็นมือทำงานในการจับกุมผู้กระทำผิด แต่กลับถูกปลดออกจากตำแหน่ง 
ซึ่งถือเป็นหัวหลักของประเทศ ในการทำลายล้างขบวนการทุจริตการเรียกรับผลประโยชน์ระดับข้าราชการ และตอนนี้ อธิบดีทุกกรม กอง คงขนเงินออกจากห้องทำงาน จากบ้านหมด และไม่กล้าจัดปีใหม่ หรือรับซองอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น "ชัยวัฒน์" คือ ฮีโร่ของแผ่นดิน 

 

"วราวิทย์" ถามว่า  ทำไมบางตำแหน่งเรียกถึง 5 แสนบาท แสดงว่าตำแหน่งนั้นสามารถมีผลประโยชน์ เข้ามาได้จำนวนมาก และสามารถหาประโยชน์ในพื้นที่นั้นได้ ใช่หรือไม่ 

 

"ดำรงค์ พิเดช" ตอบว่า   อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งรายได้ไม่เหมือนกัน แบ่งระดับ เกรด A - B - C  ซึ่งระดับนี้ มีคนไปเที่ยวไม่มาก เพราะรายได้ที่รับ 5 เปอร์เซ็นต์ จะสามารถนำมาใช้บริหารได้ แต่อุทยานที่มีรายได้มากที่สุด คือ 20 อุทยานทางทะเล เพราะมีทั้งทัวร์ จีน ญี่ปุ่น ต่างชาติ  ซึ่งบางแห่งทำตั๋ววน  ตั๋วสองชุด แบบนี้ก็มีบาง อุทยานฯ ทำให้ตำแหน่งหัวหน้าอุทยานฯสามารถมีรายได้มหาศาล สู่การซื้อตำแหน่ง 

 

"วราวิทย์" ถามว่า อธิบดีมาจากไหน 

"ดำรงค์ พิเดช" ตอบว่า เป็นการแต่งตั้งของรัฐมนตรี   แต่บางครั้งก็มาจากเลน หรือ สายอื่น ซึ่งบางครั้งมาจากสายแข็ง รัฐมนตรีต้องเกรงกลัวอธิบดี เพราะคนที่อยู่หลังใหญ่กว่าอธิบดี การเมืองเป็นไปได้หมด เรื่องนี้มาอย่างช้านาน ไม่ใช่พึ่งเกิด ไม่ใช่แค่กรมอุทยาน กรมอื่นๆก็เต็มไปหมด บางครั้งมี พ่อค้า มาวิ่งให้ตำแหน่งอธิบดีก็มี  มาจัดการประสานนักการเมือง ให้คนมานั่งตำแหน่งอธิบดี เสร็จเรียบร้อยก็มี โดยแลกเปลี่ยนกับโปรเจคงานประมูล  

 

"ผมอยากเสนอให้  การแต่งตั้งระดับ 10 ขึ้นไปควรมีคณะกรรมการแห่งชาติ มาจากทุกกระทรวงเป็นคณะกรรมการสรรหา ให้รัฐมนตรีมีหน้าที่ทูลเกล้าฯเท่านั้น สามารถสอบอธิบดีได้เมื่อทำความผิด แต่ไม่สามารถสั่งได้ ถึงจะคานอำนาจกัน ไม่เช่นกันจะถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจการราชการ หากไม่เชื่อฟัง รัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นการเมืองแทรกแซง เสนอว่า ทางการเมือง ควรระบุว่า ใครจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงไหน ก่อนการเลือกตั้ง และ ส.ส.ควรเป็นได้แค่สมัยเดียวไม่ต้องผูกขาดหรือซื้อเสียง เพราะทุกวันนี้ การเมือง เอาเถ้าแก่มาเป็นรัฐมนตรี พวกนายทุนมาหาประโยชน์คืน  เพราะข้าราชการ ทำงานมา 30 ปี แต่ต้องมาสนองงานรัฐมนตรีที่มาจาก พ่อค้า ก็เกิดขึ้นในวงราชการไทย"

ชมคลิป ฉบับเต็ม >>>> แกะรอ ยเส้นทางส่วยโยกย้าย 

 

สามารถรับชมรายการคมชัดลึกย้อนหลัง เพิ่มเติมได้ที่ https://youtu.be/NzK06X1_JGw
 

logoline