กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันวันนี้ว่า ทหารสามารถยึดเมืองเมลิโตโปลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนได้ในวันนี้ โดยเป็นเมืองใหญ่ในแง่จำนวนประชากรเมืองแรกที่ยึดได้ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. เมืองนี้มีประชากรอาศัยราว 150,000 คน และอยู่ใกล้กับเมืองมาริอูโปล เมืองท่าในภูมิภาคซาโปริชยา
ขณะเดียวกันกองทัพรัสเซียยังคงระดมยิงขีปนาวุธ และยิงปืนใหญ่ถล่มเป้าหมายในหลายเมืองของยูเครน โดยเฉพาะในกรุงเคียฟเมืองหลวง มีขีปนาวุธ 1 ลูก ตกใส่อพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งใกล้สนามบินซูเลียนีได้รับความเสียหายหนัก นอกจากนี้ทหารรัสเซียยังโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่ง และกำลังพยายามยึดสถานีผลิตกระแสไฟฟ้าหนึ่งแห่งในเมืองด้วย ประชาชนในเคียฟได้รับคำเตือนว่ามีการสู้รบตามท้องถนน และขอให้อยู่ภายในบ้านหรืออยู่ในสถานที่หลบภัย
ล่าสุดกองทัพยูเครนโพสต์ในเฟซบุ๊กอ้างว่าสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับกองทัพรัสเซีย โดยสังหารทหารรัสเซียได้มากกว่า 3,500 นาย และจับตัวเชลยได้เกือบ 200 คน และรัสเซียสูญเสียเครื่องบิน 14 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 8 ลำ และรถถัง 102 คัน
นอกจากนี้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขโพสต์ในเฟซบุ๊กวันนี้ว่า มีพลเรือนเสียชีวิตจากปฏิบัติการของรัสเซียรวม 198 ราย ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 1,115 คน ซึ่งเป็นเด็ก 33 คน
ขณะที่รัสเซียยังไม่เปิดเผยความสูญเสียใด ๆ และกระทรวงกลาโหมระบุเพียงว่า สามารถทำลายเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานของกองทัพยูเครนได้กว่า 800 เป้าหมาย ซึ่งรวมถึงสนามบินของกองทัพ ระบบขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน S-300 สถานีเรดาร์ และเรือรบ
อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน แม้รัสเซียพยายามส่งกำลังทหารชุดใหญ่และยุทโธปกรณ์เข้าสู่กรุงเคียฟ และยังมีการปะทะกันอย่างหนักแถบชานเมือง แต่กองทัพยูเครนยังสามารถควบคุมสถานการณ์ในตัวเมืองและแถบชานเมืองได้อยู่
ขณะที่สหประชาชาติประเมินว่ามีชาวยูเครนมากกว่า 1 แสนคน หนีการโจมตีและข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และคาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 5 ล้านคน ได้