ในการแถลงสรุปของทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงมักจะไม่ค่อยเปิดเผยรายละเอียด เกี่ยวกับกลยุทธ์ของกองทัพรัสเซียให้สาธารณชนได้รับรู้ แต่ปัจจุบันพวกเขาเลือกที่จะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด รวมทั้งการวางแผนเปลี่ยนแปลงการปกครองในยูเครน และปฏิบัติการ "สับขาหลอก" (false flag) หรือกระทำการภายใต้เจตนาปกปิดเป้าหมายที่แท้จริง เช่น ทำให้เชื่อว่าจะบุกที่อีกจุดแต่ความจริงกลับบุกอีกจุดหนึ่ง หรือไม่คิดจะบุกแต่ต้องการปั่นหัวอีกฝ่าย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่า สหรัฐฯ กับพันธมิตรต้องการเตือนไปยังรัสเซียว่า พวกเขารู้เท่าทันและสามารถยับยั้งรัสเซียได้ถ้าคิดจะบุกยูเครน ด้านอดีตเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของ CIA คนหนึ่งให้ความเห็นว่า เขาคิดว่าทางฝั่งตะวันตกมีความเข้าใจมากขึ้น เกี่ยวกับการใช้ข่าวกรองในลักษณะที่นำไปปฏิบัติได้ ซึ่งถือเป็นการทำสงครามข้อมูลข่าวสารอย่างหนึ่ง
เขาบอกด้วยว่าสิ่งที่น่าสนใจของยุทธวิธีนี้คือการเผยแพร่ข้อมูล ไม่ใช่เพื่อชาวอเมริกันหรือชาวอังกฤษ แต่เพื่อผู้รับสารเพียงคนเดียวคือประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพราะเขาคือคนที่รู้อยู่แก่ใจว่า "เป็นเรื่องจริงหรือไม่" ซึ่งถ้านำข่าวกรองที่ฝ่ายรัสเซียคิดว่าเป็นความลับมาเผยแพร่ ซึ่งปูตินรู้ดีว่าเป็นความจริงเขาก็จะตัดสินใจได้เองว่า ผลจะออกมาเช่นไรถ้าเขายังพยายามทำต่อไป และจะกระทบต่อยุทธศาตร์ของเขาอย่างไรด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอังกฤษต่างก็ย้ำหลายครั้งว่า การตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการโจมตีจะเกิดขึ้นหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของปูตินเพียงผู้เดียว นักวิเคราะห์ที่ศูนย์ยูเรเชียน รัสเซียนและยุโรปตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ให้ความเห็นว่า ฝั่งรัสเซียอาจจะประหลาดใจต่อยุทธวิธีเผยแพร่ข่าวสารของฝ่ายตะวันตก เพราะพวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่า สหรัฐฯ กับอังกฤษรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะช่วยให้ปูตินต้องคิดทบทวนใหม่กับแผนที่เขากำลังจะลงมือทำ
นักวิเคราะห์อีกคนให้ความเห็นว่ากลยุทธ์นี้จะใช้ได้ผลกับวิกฤตระยะสั้นเท่านั้น แต่ถ้าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่คือยุทธศาสตร์ระยะยาวของปูติน ในการกดดันกับยูเครนและรับมือการเผชิญกับตะวันตก นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเป็นบทเรียนราคาแพงด้วยเช่นกัน