ยูเครนฉลองวันเอกภาพสวนกระแสข่าวรัสเซียบุกวันนี้

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยแพร่คลิปวิดีโอในเช้าวันนี้ 16 ก.พ. เพื่อเฉลิมฉลองวันเอกภาพ ที่เขากำหนดขึ้นเพื่อหวังเปลี่ยนให้วันรัสเซียบุกยูเครนตามที่เป็นข่าวกลายเป็นวันเอกภาพเพื่อแสดงความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวภายในชาติ โดยเขากล่าว่า "ไม่มีใครรักบ้านของเราเท่ากับตัวเรา และไม่มีใครปกป้องบ้านเราอย่างที่เราทำได้ ผมขอให้คุณมีความสุขในวันเอกภาพ"

นอกจากนี้ประชาชนร่วมกันประดับธงชาติ และร้องเพลงชาติในวันนี้ตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดี  และยังมีพาเหรดแห่ธงชาติผืนยาว 200 เมตรภายในสนามกีฬาแห่งชาติอีกด้วย

ประชาชนคนหนึ่งจากภูมิภาคโดเนตสก์ ที่เคยประสบกับเหตุการณ์รัสเซียบุกในปี 2557 บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือ หรือ ข้อมูลจริงเกี่ยวกับแผนรัสเซียบุกยูเครน เขาคิดว่า ควรจะต้องมีการเตรียมพร้อมรับมืออย่างจริงจัง

และอีกคน บอกว่า รัสเซียจะไม่ปล่อยให้ยูเครนสงบสุข จึงเป็นเหตุผลว่าควรเตรียมพร้อมตลอดเวลา

ขณะที่รัฐบาลรัสเซีย ยืนยันไม่ต้องการทำสงคราม และถอนทหารบางส่วนออกจากชายแดนใกล้ยูเครน โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมเผยแพร่คลิปวิดีโอขณะรถถัง รถลำเลียงพลหุ้มเกราะและกองปืนใหญ่ของกองทัพถูกขนย้ายด้วยรถไฟข้ามสะพานออกจากดินแดนไครเมีย ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนและผนวกเข้ากับรัสเซียเมื่อปี 2557 หลังจากทหารและยุทโธปกรณ์เหล่านี้เสร็จสิ้นภารกิจการซ้อมรบ และจะกลับไปยังฐานทัพ

ก่อนหน้านี้รัสเซียก็ยืนยันว่า ทหารในเขตภาคใต้และภาคตะวันตกถอนกำลังบางส่วนออกจากชายแดนใกล้ยูเครนแล้วเมื่อวันอังคาร หลังเสร็จสิ้นการซ้อมรบ แต่สหรัฐฯ และชาติตะวันตก ยังคงมองว่า ความเสี่ยงที่รัสเซียจะบุกยูเครนยังคงมีอยู่  และเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เรียกร้องให้รัสเซียพิสูจน์ว่า ถอนทหารออกจากชายแดนใกล้ยูเครนอย่างแท้จริง  โดยอ้างว่า มีสัญญาณรัสเซียส่งกำลังทหารเข้าไปประชิดพรมแดนยูเครนมากขึ้น

ขณะเดียวกันรัสเซียตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ต่อกระทรวงกลาโหมและธนาคารยักษ์ใหญ่ 2 แห่งของยูเครน หลังจากยูเครน อ้างว่า เว็บไซท์หลายแห่งของรัฐบาล และสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุด 2 แห่งของประเทศ ถูกโจมตีทำให้เวบล่มใช้งานไม่ได้

ด้านหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงวันนี้ว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา สหรัฐฯ พยายามโหมกระพือข่าวว่าจะเกิดสงคราม สร้างบรรยากาศตึงเครียดโดยไม่เป็นความจริง จนส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางสังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวยูเครน