svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

แอฟริกาใต้เจอโควิดระลอก 4 จากเชื้อโอมิครอน

03 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แอฟริกาใต้เผชิญการระบาดระลอก 4 ของโควิด-19 โดยเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ตัวใหม่ โอมิครอน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว

โจ ปาอาฮลา รัฐมนตรีสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ แถลงวันนี้ว่า แอฟริกาใต้กำลังเผชิญกับการระบาดระลอก 4 ของโควิด-19 สืบเนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ โอมิครอน ซึ่งกระจายอยู่ใน 7 จาก 9 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว และหวังว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ระบาดได้โดยมีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด และเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันให้ครบโดส ซึ่งจะทำให้ประเทศสามารถควบคุมการระบาดระลอกนี้ได้ โดยไม่ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 

ขณะเดียวกันมิเชลล์ กรูม นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของแอฟริกาใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนภายในเวลาอันสั้นจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ผู้ติดเชื้อโอมิครอนได้ขยายวงจากกลุ่มคนหนุ่มสาวไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ และมีเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบติดเชื้อและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

 

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศขณะนี้ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ราว 11,500 คน พุ่งสูงขึ้นอย่างมากจาก 8,500 คนวันก่อนหน้านั้น ขณะที่ในช่วงกลางเดือน พ.ย.มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 200-300 คน

 

 

ขณะที่เชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน แพร่กระจายไปกว่า 30 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลกแล้ว โดยล่าสุดศรีลังกาพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรก เป็นชาวศรีลังกาที่กลับมาจากแอฟริกาใต้เมื่อเร็วๆนี้  และในสวิตเซอร์แลนด์ต้องกักตัวนักเรียนและเจ้าหน้าที่ราว 2,000 คนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้นครเจนีวา หลังจากพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน 2 คนในโรงเรียน โดยผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงกับครอบครัวที่กลับจากมาจากแอฟริกาใต้เมื่อเร็วๆนี้

 

 

นพ.ทาเกชิ กาไซ ผู้อำนวยการภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เชื้อโอมิครอนน่าจะแพร่กระจายในวงกว้างกว่าที่มีรายงานอยู่ในขณะนี้ แต่มาตรการปิดพรมแดน และจำกัดการเดินทางไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้แต่ทำได้แค่ซื้อเวลาเท่านั้น พร้อมกับเตือนให้ทุกประเทศเตรียมรับมือกับการระบาดเพิ่มมากขึ้น เสริมศักยภาพของระบบสาธารณสุข ฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยง และปฏิบัติตามาตรการป้องกัน อย่าง สวมหน้ากาก และเว้นระยะห่าง

 

 

logoline