รัสเซียเปิดเผยว่าเรือรบลำหนึ่งของพวกเขา ได้ขับไล่เรือพิฆาตของสหรัฐฯ ที่พยายามละเมิดน่านน้ำรัสเซียระหว่างการซ้อมรบทางทะเลของรัสเซียและจีนในเขตทะเลญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.)
ขณะที่ยังไม่มีความคิดเห็นออกมาจากฝั่งสหรัฐฯ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่า ลูกเรือของเรือต่อต้านเรือดำน้ำของรัสเซียชื่อ "พลเรือเอกตรีบุซ" ได้ส่งวิทยุเตือนไปยังเรือ "ยูเอสเอส ชาฟี" ของสหรัฐว่า "เรืออยู่ในพื้นที่ปิดสำหรับการเดินเรือเนื่องจากจะการซ้อมยิงด้วยปืนใหญ่"
เมื่อเช้าวันศุกร์ รัสเซียได้จัดซ้อมรบทางทะเลร่วมกับจีนในทะเลญี่ปุ่น และได้ฝึกการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน และการทำลายทุ่นระเบิดลอยน้ำของศัตรูด้วยปืนใหญ่
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในถ้อยแถลงว่า เรือพิฆาตสหรัฐฯ ไม่ยอมเปลี่ยนเส้นทาง แต่กลับยกธงแสดงว่ากำลังเตรียมปล่อยเฮลิคอปเตอร์จากดาดฟ้าเรือ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางและความเร็วได้ เรือพลเรือเอก ตริบุซ จึงดำเนินการภายใต้กรอบของกฎการเดินเรือสากล ในการขับไล่ผู้บุกรุกออกจากน่านน้ำรัสเซีย
ในที่สุดเรือ ยูเอสเอส ชาฟี ก็เปลี่ยนเส้นทางเมื่อเรือทั้งสองลำอยู่ห่างจากกันไม่ถึง 60 เมตร
ฝ่ายรัสเซียระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกินเวลาประมาณ 50 นาที และเกิดขึ้นที่อ่าวปีเตอร์มหาราช ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองวลาดิวอสต็อก ทางตะวันตกของทะเลญี่ปุ่น
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองในรอบ 4 เดือนที่รัสเซียบอกว่าได้ไล่เรือรบของประเทศสมาชิกนาโตออกจากน่านน้ำของตน โดยในเดือนมิถุนายน รัสเซียกล่าวหาว่าเรือพิฆาตอังกฤษชื่อ "ดีเฟนเดอร์" ละเมิดน่านน้ำของตนในทะเลดำ และได้บังคับเรือให้กลับออกไปด้วยการยิงเตือนและทิ้งระเบิดในเส้นทางของเรือ
อังกฤษปฏิเสธรายงานของมอสโกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นนอกคาบสมุทรไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของยูเครนที่รัสเซียผนวกดินแดนในปี 2557 ในการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ลอนดอนบอกว่าในตอนนั้น เรือของพวกเขาอยู่ในน่านน้ำยูเครน
ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ในจุดต่ำสุดหลังสงครามเย็น แม้ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะบอกว่าในสัปดาห์นี้ เขาได้สานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และเล็งเห็นโอกาสที่ความสัมพันธ์จะดีขึ้น