svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เกิดวิกฤติธนาคาร

22 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยอีกแล้ว ทั้งที่ยังมีความวิตกว่า การทำเช่นนี้ อาจซ้ำเติมวิกฤติการเงินให้ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก หลังเกิดการล้มของธนาคารก่อนหน้านี้

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% พร้อมเรียกร้องให้ระบบธนาคารรู้จักการยืดหยุ่น  แต่ก็ยังเตือนว่า การล้มของธนาคารอาจกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกหลายเดือนต่อจากนี้ 

เฟดขึ้นดอกเบี้ยกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารด้วยกัน เพื่อต้องการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน หลังเกิดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ  แต่การขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วนับจากปีที่แล้ว  นำไปสู่ความตึงเครียดในระบบธนาคาร ส่งผลให้ธนาคารสองแห่งในสหรัฐ คือ ซิลิคอน วัลเลย์ และ ซิกเนเจอร์  ล้มไปในเดือนนี้ ( มีนาคม )  ส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นดอกเบี้ย

ขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ต่างไม่คิดว่า การล้มของธนาคารจะกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในวงกว้าง การขึ้นดอกเบี้ยควรมีอยู่ต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรปก็เพิ่งขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เช่นกัน  ส่วนธนาคารกลางอังกฤษก็จะตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ยวันนี้  หลังตัวเลขเงินเฟ้อในอังกฤษพุ่งขึ้นอย่างไม่คาดหมายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ไปแตะที่ 10.4%

ประธานเฟดบอกว่า เฟดยังคงพุ่งเป้าไปที่การรับมือเงินเฟ้อ  ส่วนการล้มของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ ถือเป็นสิ่งผิดปกติ แต่ระบบการเงินยังคงแข็งแกร่ง  แต่ยอมรับว่า วิกฤติธนาคารเมื่อไม่นานมานี้ มีแนวโน้มฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบเต็มที่ยังไม่ชัดเจน 

สหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เกิดวิกฤติธนาคาร สหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เกิดวิกฤติธนาคาร สหรัฐคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวแค่ 0.4% ในปีนี้ และเติบโต 1.2% ในปีหน้า ถือว่า ชะลอตัวเร็วกว่าคาด และเป็นการขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้เมื่อเดือนธันวาคม

ก่อนหน้านี้ เฟดย้ำชัดเจนว่า จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้า  แต่ในครั้งนี้ เฟดเพียงแค่บอกว่า อาจใช้นโยบายเพิ่มเติมบางอย่างที่ดูเหมาะสมกว่า ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า เฟดก็วิตกอยู่เหมือนกัน 

การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันแล้ว ทำให้ดอกเบี้ยมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 4.75 - 5% จากในระดับเฉียด 0% เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดนับจากปี 2007

การขึ้นดอกเบี้ยหมายถึงจะทำให้การซื้อบ้าน การกู้ยืมเงินเพื่อทำธุรกิจ หรือการจ่ายหนี้สิน ต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นด้วย  ด้วยเหตุนี้ ยอดซื้อบ้านในสหรัฐจึงชะลอลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงปีที่แล้ว ราคาบ้านจึงตกต่ำ ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ 

ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐ ก็พุ่งขึ้น 6% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา  ราคาสินค้าบางอย่าง รวมถึงอาหารและตั๋วเครื่องบิน ก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

เฟดยังคงคาดว่า อัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.1% ก่อนสิ้นปีนี้ ถือเป็นตัวเลขเดิมที่เคยคาดไว้เมื่อเดือนธันวาคม เป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้า 

สหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เกิดวิกฤติธนาคาร สหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เกิดวิกฤติธนาคาร สหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เกิดวิกฤติธนาคาร ประธานเฟดบอกว่า เฟดอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรีบเร่งเหมือนแต่ก่อน ถ้าวิกฤติในระบบการเงิน ทำให้ธนาคารต้องจำกัดการกู้ยืมเงิน และเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรวดเร็ว  แต่เฟดก็ยังต้องแก้ปัญหาเงินเฟ้อต่อไป  โดยจะกดตัวเลขเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 2% ให้ได้ 

logoline