จิมมี ซู นักวิเคราะห์จาก Fullerton Research กล่าวว่า หากมองการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4.7 เปอร์เซ็นต์ การตั้งเป้าไว้ที่ 5 เปอร์เซ็นต์หลังยุคโควิด เชื่อว่ารัฐบาลจะเริ่มกระตุ้นการเติบโต ซึ่งในปีนี้จีนไม่ได้มุ่งการเติบโตในระยะสั้นเหมือนในอดีต แต่ให้ความสำคัญกับการเติบโตในระยะยาวและมีเสถียรภาพ เน้นการผลิตระดับไฮเอนด์เช่นเดียวกับการบริโภค ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะเห็นตัวเลขจีดีพี
แม้นักวิเคราะห์จะแสดงความกังวลอยู่บ้าง แต่เพียงวันเดียวหลังจากเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ ธนาคาร UBS ก็คาดการณ์ว่า จีดีพีของจีนในปีนี้จะโตอยู่ที่ 5.4 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีการเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดคิด จำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินก็กำลังเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนโควิดด้วยซ้ำไป ความกังวลเรื่องการระบาดรอบสองของโควิดก็ไม่รุนแรงอย่างที่เคยประเมินกันไว้ ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ก็ดีดตัวเข้าใกล้ระดับในปี 2562 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ในการแถลงข่าวครั้งแรกของ นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง เขาได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลกลางและการจัดลำดับความสำคัญ โดยยอมรับว่าการบรรลุเป้าจีดีพีอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่รัฐบาลจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ให้บรรลุเป้าหมายและเติบโตอย่างมีคุณภาพสูง โดยเฉพาะการมีบ้าน รายได้ การศึกษาและสาธารณสุข ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของความอยู่ดีกินดี
นักวิเคราะห์จากฟิทช์ โบฮัว (Fitch Bohua) กล่าวว่า เศรษฐกิจของจีนจะเน้นการเติบโตจากภายในประเทศมากกว่านอกประเทศ การบริโภคจะเป็นตัวเร่งให้ความต้องการภายในประเทศฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ภาคบริการจะเป็นตัวนำในการฟื้นฟูรวมถึงอาหาร โรงแรม การขนส่ง และการท่องเที่ยว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตจะเพิ่มขึ้นในครึ่งแรกของปี
อย่างไรก็ตาม การลดลงของการบริโภคภายนอกประเทศก็จะกดดันเรื่องการส่งออกด้วย นักวิเคราะห์มองว่างานหลักของรัฐบาลก็คือต้องรักษาอัตราการจ้างงาน การเพิ่มรายได้ส่วนบุคคลและฟื้นฟูความมั่นใจในอนาคต กระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อลดผลกระทบจากการลดการนำเข้า