svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เมื่ออดีตประธานาธิบดีต้องทำประวัติอาชญากร

20 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จับตาเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ถ้าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ "อาจถูกจับและถูกทำประวัติอาชญากรรม" ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการให้เงินปิดปากนักแสดงหนังสำหรับผู้ใหญ่ และอาจลุกลามไปถึงความผิดฐานเป็นตัวการให้เกิดจลาจลที่อาคารรัฐสภา เมื่อปี 2561

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 2024 อาจจะเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่ต้องถ่ายรูปทำประวัติอาชญากร (mugshot), ทำสว็อบ (swab) และพิมพ์ลายนิ้วมือ (fingerprinted) ถ้าถูกจับฐานเกี่ยวข้องกับการทำ "สัญญาค่าปิดปาก"  ที่อัยการเขตแมนฮัตตันกำลังสืบสวน

ผู้ที่เปิดเผยเรื่องนี้คือ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความผู้ภักดีของทรัมป์ แต่ได้กลายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างต่อเนื่อง หลังให้ความร่วมมือกับคณะอัยการในคดีที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ที่ทำให้เขาถูกจับเมื่อปี 2561 และถูกตัดสินจำคุก 3 ปี เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ MSNBC ถึงความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอาชญากร แต่จะไม่ถึงขั้นถูกสวมกุญแจมือ เพราะอย่างน้อยความเป็น "ประธานาธิบดี" ก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็น "สถาบัน" ที่ได้รับความเคารพ... การถูกสวมกุญแจมือในที่สาธารณะจะสร้างความอัปยศให้แก่สถาบันประธานาธิบดี และสะท้อนถึงภาพที่ไม่ดีในสายตาทั้งของพันธมิตรและศัตรู 

เมื่ออดีตประธานาธิบดีต้องทำประวัติอาชญากร

"สัญญาค่าปิดปาก" มีที่มาอย่างไร

เรื่องนี้เริ่มต้นโดยการที่โคเฮนนำเงิน 130,000 ดอลลาร์ (4,400,000 บาท) ไปมอบให้กับ "สตอร์มี แดเนียลส์" นักแสดงหนังสำหรับผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน เพื่อแลกกับการที่เธอจะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างเธอกับทรัมป์เมื่อปี 2549 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ที่ทรัมป์ไม่ต้องการให้แพร่งพรายออกไป เพราะถ้าเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้เกิดขึ้นเพียง 4 เดือน หลังจาก เมลาเนีย อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 เพิ่งให้กำเนิดแบร์รอน ลูกชายคนเล็กของทรัมป์

ปัญหาของทรัมป์เริ่มต้นตรงไหน 

เริ่มต้นจากการที่มีหลายฝ่ายจุดชนวนด้วยคำถามที่ว่า "สัญญาปิดปาก" เข้าข่ายการใช้จ่ายเงินในการรณรงค์หาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะสัญญาทำขึ้นปลายเดือนตุลาคม ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2549 เพียงไม่กี่วัน 

สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงหนังสำหรับผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน

การแก้เกมของทรัมป์

ดูเหมือนทรัมป์ก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง เพราะเขาอาศัย "TRUTH Social" แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กระจายข่าวเมื่อวันเสาร์ (18 มีนาคม 2566) ให้ผู้สนับสนุนรู้ว่า เขาอาจจะถูกจับในวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2566 (on Tuesday of next week)  โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน แล้วก็ไม่ได้บอกถึงความผิดที่อาจถูกตั้งข้อหาด้วย 

การเคลื่อนไหวของทรัมป์ทำให้กิดกระแสคาดการณ์ทั้งในอินเตอร์เน็ตและข่าวสารการเมืองว่า การเรียกร้องของทรัมป์จะนำไปสู่ "การก่อการร้ายในประเทศ" หรือเหตุการณ์จลาจลแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 จากการที่ผู้สนับสนุนเขาจำนวนมากพากันบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ที่ทรัมป์พ่ายแพ้ให้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน 

เมื่ออดีตประธานาธิบดีต้องทำประวัติอาชญากร

 

ข้อความที่ทรัมป์โพสต์ระบุว่า

"พวกเขากำลังฆ่าชาติของเขา ในขณะที่เราได้แต่นั่งดู เราต้องช่วยอเมริกา! ประท้วง, ประท้วง ประท้วง" (They're killing our nation as we sit back & watch. We must save America! Protest, Protest, Protest!!!)

ตัวจุดชนวน ชนักติดหลังทรัมป์

ที่จริงเรื่องการปลุกระดมให้เกิดการประท้วงเมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2564 ถูกยืนยันในรายงานการสืบสวน (Final Report of the Select Committee to Investigate the January 6th Attack on the United States Capitol) ฉบับสมบูรณ์ ที่ระบุว่า ทรัมป์มีส่วนร่วมใน "การสมคบคิดหลายขั้นตอน" เพื่อ "พลิกผลการเลือกตั้ง" ประธานาธิบดี ปี 2563 และทรัมป์ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อ "หยุด" ผู้สนับสนุนของเขาจากการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา 

เมื่ออดีตประธานาธิบดีต้องทำประวัติอาชญากร

รายละเอียดของรายงาน 

รายงานฉบับนี้มีความยาว 814 หน้า จัดทำโดยคณะกรรมการสืบสวน ที่ประกอบด้วย ส.ส. ทั้งของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันจำนวน 9 คน ที่เก็บข้อมูลจากพยานมากกว่า 1,000 คน มีการไต่สวน 10 ครั้ง และได้เอกสารมากกว่า 1 ล้านหน้า พยานที่เข้าให้ปากคำมีทั้งผู้ใกล้ชิดของทรัมป์, เจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย และผู้ก่อเหตุจลาจลบางส่วน ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ทรัมป์กระทำการโดย "ไตร่ตรองล่วงหน้า" หลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ และตัวทรัมป์ก็มีอิทธิพลต่อการกระทำของผู้สนับสนุนเขา และเขาก็คือต้นเหตุหลักของเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น 

ในข้อสรุประบุด้วยว่า เหตุบุกอาคารรัฐสภาเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง และทำให้ชีวิตของสมาชิกสภาฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง และยังมีคำแนะนำจากคณะกรรมการทั้ง 9 คน ด้วยว่า รัฐสภาควรพิจารณาห้ามทรัมป์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต โดย แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ระบุในบทนำของรายงานว่า

"รายงานฉบับนี้ควรเป็นกระบอกเสียงถึงชาวอเมริกันทุกคน ให้ปกป้องประชาธิปไตยของเรา และลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเท่านั้น"

เมื่ออดีตประธานาธิบดีต้องทำประวัติอาชญากร

ประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกดำเนินคดีอาญา?

ถ้าทรัมป์ถูกจับ เขาจะเป็นคนแรกในประวัตศาสตร์สหรัฐฯ ที่ถูกดำเนินคดีทางอาญา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหน ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่งไปแล้วถูกดำเนินคดีทางอาญามาก่อน และยิ่งถ้าพ่วงความผิดฐานเป็นตัวการให้เกิดเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาด้วย ก็จะกลายเป็นคดีทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งเรื่องจำนวนคนที่ต้องขึ้นศาลและระยะเวลาในการพิจารณาคดี โดยเฉพาะการสู้คดีของทรัมป์!!!!

logoline