ที่ตลาดอู้ฟู้ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น "พรรคเพื่อไทย" นำโดยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ร่วมปราศรัยใหญ่เวทีสุดท้ายท่ามกลางประชาชนนับหมื่นคน หลังเดินสายทัวร์ภาคอีสานตลอด 3 วันเต็มกับ 6 จังหวัด 9 เวทีปราศรัย ขณะที่กิจกรรมบนเวทีนอกจากการย้ำถึงนโยบายพรรค ก็ยังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรค 10 เขต ประกอบด้วย
เขต 2 “นางสาวรัมภามาศ ทีฆธนานนท์”
เขต 3 “นายจตุพร เจริญเชื้อ”
เขต 4 “นางมุกดา พงษ์สมบัติ”
เขต 5 “นายภาควัต ศรีสุรพล”
เขต 6 “นายสิงหภณ ดีนาง”
เขต 7 “นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข”
เขต 8 “นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร”
เขต 9 “นายวันนิวัติ สมบูรณ์”
เขต 10 “นายพชรกร อรรณนพพร”
เขต 11 “นางสาววิภาณี ภูคำวงศ์”
ทั้งนี้ในส่วนของเขต 1 เดิมเป็นชื่อของ “นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร” แต่ล่าสุด “นายจักริน” ได้ขอถอนตัวเนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเตรียมสรรหาผู้สมัครคนใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ณัฐวุฒิ” ยัน ไม่มีดีลลับจับมือ “ธรรมนัส” ตั้งรัฐบาล เดินหน้าแลนด์สไลด์
เบื้องหลัง “อุ๊งอิ๊งค์”หาเสียงทรหด เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่"เลือกตั้ง66"
“นายแพทย์ชลน่าน” กล่าวช่วงหนึ่งบนเวทีปราศรัย ย้ำว่าต้องเลือก "พรรคเพื่อไทย" ให้ขาด มากกว่า 250 เสียงเพื่อล้มเสียง ส.ว. ในสภาเพื่อปิดประตูส่ง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” กลับบ้าน ก่อนยืนยันเหมือนทุกเวทีที่ผ่านมาว่าพรรคเพื่อไทย ไม่มีสาขา ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง มีแต่ประชาชน
หัวหน้า "พรรคเพื่อไทย" กล่าวขอบคุณชาวขอนแก่นในความเข้มแข็งรวมกันเป็นประชาธิปไตย ตนเข้าใจว่า 8 ปีที่ผ่านมาทุกคนมีความทุกข์ทรมาน ลูกหลานถูกทำร้ายโดยการใช้กฎหมายคุมขัง ยาเสพติดเกลื่อนเมือง ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง และมาคิดใหญ่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และเลือกคนของเราให้แลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด ซึ่งตนมีความมั่นใจว่าตัวแทนพรรคทั้ง 11 คน ที่รวมทั้งรุ่นเก่าและใหม่ ทุกคนมีความสามารถ มีประสบการณ์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยประชาชนได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่าตนรู้สึกมีแรงใจ หลังเห็นคนมาร่วมฟังเยอะขนาดนี้ อีกทั้งยังทำให้ "พรรคเพื่อไทย" มีกำลังใจในการแก้ไขปัญหา ก่อนเล่าย้อนไปเมื่อปี 2564 ที่ตนได้มีโอกาสมาจังหวัดขอนแก่น มาเปิดตัวครั้งแรกกับตำแหน่งใหม่คือประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม “วันนี้มากับพรรค และลูกในท้องด้วย”
“นางสาวแพทองธาร” ยืนยันว่า หากพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสเป็นรัฐบาล จะทำให้ทุกคนคลายทุกข์จาก 8 ปีที่ผ่านมาได้ เราเข้าใจปัญหาทุกคนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันตอนนี้เศรษฐกิจระบบทุนนิยม ทำเกษตรกรชาวบ้านเสียเปรียบ มีหนี้สินถ้วนหน้า
ซึ่ง "พรรคเพื่อไทย" จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทุกคนจะรู้ฟ้าทันฝน อากาศ สภาพดิน รู้เวลาปลูกและเก็บเกี่ยวแม่นยำ “ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง” รวมถึงการออกบล็อกเชน หาเงินจากชาวต่างชาติเข้ามาช่วยคนไทย จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ ธกส. เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนนโยบายค่าแรง 600 บาทย้ำว่าเราทำได้แน่นอน
วันนี้ "พรรคเพื่อไทย" เปลี่ยนสโลแกนมาเป็น “คิดใหญ่ ทำเป็น” เพราะเราคิดใหญ่มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย วันนั้นเราออกนโยบายอะไรมาแทบไม่มีใครเชื่อว่าเราจะทำได้ เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงนโยบายกองทุนหมู่บ้าน สุดท้ายทำได้และประชาชนได้ประโยชน์มากมาย
แต่ทว่าก็ยังมีอีกหลายนโยบายหรือโครงการที่ยังดำเนินการไม่เสร็จเนื่องจากถูกรัฐประหารก่อน ซึ่งเราอยากขอโอกาสเข้ามาสานต่อขอเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เลือกทั้งคนและพรรค
ด้าน “นายณัฐวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเป็นคนสุดท้ายโดยร้องเพลงสาวอีสานรอรัก และได้เปลี่ยนเนื้อว่า “ข่อยอยากแลนด์สไลด์” ก่อนระบุช่วงหนึ่งว่าขอฝากบทเพลงดังกล่าวไปถึง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” และ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” รวมถึง ส.ว. ทั้ง 250 คน ว่าจะฝืนเสียงประชาชนหรือไม่ หากเราได้คะแนนแบบถล่มทลาย
ทั้งนี้ “นายณัฐวุฒิ” กล่าวว่าตนยังหวังใจว่า ส.ว. 250 คนคงจะคิดได้บ้าง ว่าเจ้าของประเทศตัวจริงคือประชาชน
“เรามายืนยันเหตุผลว่า ทำไมเราต้องแลนด์สไลด์ และถ้าไม่เกินครึ่ง “ประยุทธ์” กับ “ประวิตร” เอาไปกิน แต่หากเกินครึ่ง ประชาชนเอานโยบาย "พรรคเพื่อไทย" ไปกิน และส่งพวกเขากลับไป” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย