svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

บิ๊กป้อม VS บิ๊กตู่ ยุทธศาสตร์ 7 ช. หักเหลี่ยมโหด

19 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ 7 ช. ซึ่งเป็นการเฉือนคมกันระหว่างพี่น้อง 2 ป. ในระดับหักเหลี่ยมโหด

แม้ยังไม่รู้ว่า จะยุบสภาและประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันใด แต่การหักเหลี่ยมเฉือนคมกันระหว่างพี่น้อง 2 ป. ก็เป็นไปอย่างดุเดือด โดย “รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนานิด้า ได้วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ 7 ช. การสัปยุทธ์ระหว่าง "บิ๊กป้อม" กับ "บิ๊กตู่" ได้น่าสนใจยิ่ง ในรายการ “คมชัดลึก” ดำเนินรายการโดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ส่วน ช. ทั้ง 7 มีอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลย

ช. ที่ 1 ชิงฐานเสียง

“อาจารย์พิชาย” กล่าวว่า “ช. ที่ 1 คือการชิงนักการเมือง” ที่อยู่ในพลังประชารัฐเดิม ที่ต้องมีการวางหมาก วางเกม ต้องมีการวางไทม์ไลน์อย่างชัดเจน ว่าจุดไหนบ้างที่จะต้องไป

ซึ่งจุดที่สำคัญ และจำเป็นต้องไปอย่างเร่งด่วน ก็คือจุดที่นักการเมืองเหล่านั้น ยังลังเล หรือกำลังมีปัญหา เพื่อไปกระชับแล้วก็ดึงกลับมาให้เป็นฐานเสียงของตัวเอง อาทิ พื้นที่ราชบุรี เป็นต้น

และหากตัดหน้าได้ยิ่งดี เพราะโดยยุทธวิธีแล้ว ต้องไปก่อน “พล.อ.ประยุทธ์” เพื่อดึงคนเข้ามาก่อน ดังนั้นในหลายๆ จังหวัดที่เป็นพื้นที่ช่วงชิงฐานเสียง ก็ต้องยอมรับว่า “พล.อ.ประวิตร” ทำได้ดีกว่า 

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนานิด้า

บทความที่น่าสนใจ

ช. ที่ 2 ชิงภาพลักษณ์

“อาจารย์พิชาย” ได้ยกตัวอย่างการที่ “พล.อ.ประวิตร” พยายามบอกว่า ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในสภา เมื่อปี 2565 ที่ "พล.อ.ประวิตร" บอกว่าตนไม่เกี่ยว แล้วชี้ไปที่ "พล.อ.ประยุทธ์" เพื่อสร้างภาพเป็นนักการเมืองในระบบประชาธิปไตย

ซึ่งที่ผ่านมา “พล.อ.ประวิตร” มีภาพลักษณ์ที่ออกจะเทาๆ ทำให้ต้องพยายามสร้างภาพให้ดูดีขึ้นมา อาทิเช่น ไม่ได้พัวพันกับการรัฐประหาร ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น พยายามสร้างภาพให้เห็นว่า เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นผู้ใหญ่ใจดี เป็นนักประสานได้ทุกฝ่าย เป็นผู้ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อสร้างความปรองดอง เป็นกลยุทธ์สร้างภาพเด่น เพื่อลบภาพด้อย เพื่อสู้กับภาพลักษณ์ความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ของ “พล.อ.ประยุทธ์”

ช.ที่ 3 ชิงทีมงาน

ส่วนช.ที่ 3 "อาจารย์พิชาย" ระบุว่า คือการชิงทีมงานที่มีความรู้ความสามารถ “พล.อ.ประวิตร” เปิดเกมด้วยการชิง “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” เข้ามาก่อน ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาอุปสรรค แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า “พล.อ.ประวิตร” สามารถดึงคนที่มีฝีมือเข้ามาทำงานได้ แล้วก็มีข่าวแว่วๆ ว่า เร็วนี้จะดึง “อดีต รมว.คลัง” ที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับ เข้ามาร่วมทีมเศรษฐกิจด้วย

ในขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ดึงใครไม่ได้เลย ดึงได้แต่คนเก่าหมดยุค ไม่สามารถดึงคนที่มีภาพลักษณ์ดีๆ ที่ร่วมสมัย เข้ามาได้ เพราะฉะนั้นในแง่ของการดึงทีมงานที่มีความสามารถ ดูเหมือน “พล.อ.ประวิตร” จะทำได้ดีกว่าเช่นกัน

บิ๊กป้อม VS บิ๊กตู่ ยุทธศาสตร์ 7 ช. หักเหลี่ยมโหด

ช. ที่ 4 ชิงนโยบาย

คือการชิงนโยบายที่ได้รับความนิยมจากประชาชน เช่น บัตรประชารัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) “พล.อ.ประวิตร” ก็ชิงเปิดเกมก่อน เพิ่มเงินเป็น 700 บาท ซึ่งนโยบายนี้ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีของพรรค และสอดคล้องกับชื่อของพรรคด้วย เป็นนโยบายที่ทำให้ได้คะแนนเสียงจากชาวบ้านที่ยากจนเป็นจำนวนมาก

ช. ที่ 5 ชิง ส.ว.

ส.ว. ที่มีจำนวนราว 250 คน ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการโหวตเลือกนายกฯ และทั้ง “พล.อ.ประวิตร” กับ “พล.อ.ประยุทธ์” ต่างก็มีบารมีในกลุ่ม ส.ว. ซึ่ง "อาจารย์พิชาย" วิเคราะห์ว่า ตอนนี้คงมีการตรวจสอบเรื่อยๆ ว่า ใครยังให้การสนับสนุนใคร เป็นการช่วงชิงที่เข้มข้น ซึ่งในปัจจุบันคาดว่า จำนวน ส.ว. ของทั้งสองฝ่าย น่าจะสูสีกัน

ช. ที่ 6 ชิงเครือข่าย

ช.6 คือ ชิงเครือข่ายพรรคการเมือง ที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง โดยอาจารย์พิชายกล่าวว่า “พรรคพลังประชารัฐ” มีการเปิดกว้างมากกว่า ทำให้สามารถร่วมกับพรรคการเมืองได้ทุกพรรค ยกเว้น “พรรคก้าวไกล” ที่ประกาศชัดว่า “ไม่เอา 2 ป.”

ฉะนั้นขอบเขตของ “พล.อ.ประวิตร” จึงมีภาคีเครือข่ายทางการเมืองที่กว้างขวางกว่า “พล.อ.ประยุทธ์” เพราะ “พล.อ.ประวิตร” มีความยืดหยุ่นกว่า ในการสร้างภาคีเครือข่าวยทั้งหลายให้เข้ามาร่วมกันทำงาน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

ช. ที่ 7 ชิงกลยุทธ์ในการหาคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้ง

และก็มีถึง "ช. สุดท้าย" โดยอาจารย์พิชายระบุว่า คือการชิงกลยุทธ์ในการหาคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้ง ซึ่งก็หมายถึง “บ้านใหญ่” ในจังหวัดต่างๆ เพราะในทางการเมือง บ้านใหญ่เป็นกลุ่มที่มีเครือข่ายหัวคะแนนที่เข้มแข็ง เพราะฉะนั้นใครสามารถชิงบ้านใหญ่ให้เข้ามาสนับสนุนได้มากกว่า ก็มีโอกาสชนะ

นอกจากนั้น ยังหมายถึงตัวบุคคลที่มีความพราวในการวางกลยุทธ์ในการหาคะแนนเสียง สามารถแปลงทุน แปลงทรัพยากร ให้เป็นคะแนนเสียงได้ เป็นผู้ที่มีความช่ำชองทั้งเกมบนดินและใต้ดิน โดยอาจารย์พิชายได้ยกตัวอย่าง “ร.อ.ธรรมนัส” ของ “พรรคพลังประชารัฐ” ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่น้อยหน้า ได้ดึง “เสธ.หิมาลัย” เข้ามาช่วยพรรค

และทั้งหมดนี้ก็คือ "ยุทธศาสตร์ 7 ช." ที่ในวันนี้ "พล.อ.ประวิตร" มีความเหนือกว่าในทุกๆ ช. หรือในทุกๆ ข้อ “แต่สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” เพราะไม่แน่ว่า ในช่วงใกล้วันเลือกตั้ง “พล.ประยุทธ์” อาจจะตีตื้นขึ้นมา... ก็เป็นไปได้

ที่มา “ป้อม-ตู่” ขบเหลี่ยม ปาดหน้าดูด ส.ส.| คมชัดลึก | 19 ม.ค.66 | FULL | NationTV22

logoline