6 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน "ศาลฏีกา"ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีสำคัญ ซึ่งมีนักการเมืองที่กำลังเตรียมลงทำศึก"เลือกตั้ง 66" ติดบ่วงรอฟังคำตัดสิน โดยวันนี้ ที่ห้องพิจารณา 1 ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ คมจ.4/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องต่อศาลว่า "นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์" ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีการเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท จาก"นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์" อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ
โดย "ป.ป.ช." มีมติชี้มูลความผิดและยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า "นายอนุรักษ์" ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้อง จนกว่าจะมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้ "นายอนุรักษ์" เดินทางมาศาลพร้อมครอบครัวมาให้กำลังใจ โดยปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ ขอให้รอฟังคำตัดสินของศาลก่อน
กระทั่งวันนี้ "ศาลฎีกา"มีคำพิพากษาว่า "นายอนุรักษ์" ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
จากคำวินิจฉัยของศาลเห็นว่า นายอนุรักษ์ ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จริง โดยมีหลักฐานและพยานบุคคลยืนยันว่า มีการติดต่อ "นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์" อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
และนายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ หลายครั้ง เพื่อเรียกเงินหรือผลประโยชน์จากโครงการในการจัดทำคำของบประมาณ และมีการใช้คำพูดข่มขู่ อีกทั้งศาลเห็นว่า นายอนุรักษ์ไม่มีหน้าที่ในการขอเอกสาร หรือการจัดทำประมาณจากหน่วยโดยตรง ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ