ไขปมปริศนา "สังหารหมู่" กราดยิงหนองบัวลำภู ผ่านสายตา"นักจิตวิทยา"

 

"รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี"  ได้สัมภาษณ์ นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล จิตแพทย์ รพ.ไทยนครินทร์ ถึงประเด็นโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู เพื่อไขปมปริศนา "สังหารหมู่" ผ่านสายตาของนักจิตวิทยา

 

 

วิเคราะห์พฤติกรรม ไม่เมา-ไม่ป่วยจิต  คิดวางแผน “สังหารหมู่”

 

"วราวิทย์" ถามคุณหมอดูจากลักษณะการก่อเหตุเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากน้อยแค่ไหน

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล" ตอบว่า มันมีหลักวิชาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมมนุษย์เกิดขึ้นแล้ว อย่าได้ฟันธงลากเส้นโยงง่ายๆ จะก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ 

 

ปัญหายาเสพติดมีความเกี่ยวข้องแน่นอนแต่ไม่ได้เป็นเส้นตรงแบบนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะมนุษย์คนหนึ่งติดยาหรือเมายาจึงตัดสินใจทำอะไรเช่นนั้น จะเป็นเพราะว่ามนุษย์คนหนึ่งมีอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในเขา ทำให้เขาไปหายามาเสพ ทำให้เขาติดยา อะไรที่อยู่ข้างในเขาทำให้มีปัญหาในการดำเนินชีวิตแล้วก็สะสมเรื่อยๆ

 

"ผมใช้คำว่าอนุกรมแห่งความย่อยยับคือล้มเป็นโดมิโน่ล้มลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่ทำให้เขาวางแผนจะทำ สองอย่างนี้มันเกี่ยวข้องกันแต่ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันโดยตรง ผมเห็นคนชอบวิเคราะห์สรุปแบบนี้มันอันตรายมาก เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะหลงทางนะ"

 

 

"วราวิทย์" ถามไม่ใช่ยาเสพติดแน่ๆเท่าที่คุณหมอดู

 

นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล ตอบว่า จะมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยปกติเราจะต้องทำโปรไฟล์ทำความเข้าใจผู้ก่อเหตุก่อน แต่ข้อมูลเราน้อยเลยทำอะไรได้น้อย แล้วก็ระบบของเราที่จะลงไปตรงนี้ยังน้อยและก็ไม่ค่อยพอเท่าไหร่

 

"วราวิทย์" อีกมุมเวลาเราเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เราอาจจะพูดกันง่ายๆภาษาชาวบ้านคนนี้บ้าหรือเปล่า ในมุมจิตวิทยาจะอธิบายยังไงครับ

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล"  ตอบว่า อธิบายง่ายๆแบบนั้นไม่ได้ สมมติมีใครสักคนมาทำให้ผมขาหัก แล้ววันนึงผมโกธรกลับไปทำร้ายเขา มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ ไม่ได้เป็นเหตุโดยตรง อธิบายแบบนั้นอันตรายเพราะทำให้เกิดการด่วนสรุปแล้วก็ไปตีตราคนแล้วมันก็จบ ทั้งที่ความจริงยังไม่จบ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ

 

"วราวิทย์" ถามลักษณะของคนที่มีอาการป่วยทางจิต แล้วไปก่อเหตุกับเคสที่เกิดขึ้น แตกต่างหรือเหมือนกันยังไง

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล"ตอบว่า แตกต่างชัดเจน เคสนี้ชัดเจนว่าเขามีระดับสติปัญญาที่ดีพอสมควร ในการก่อเหตุนี้ชัดเจนว่ามีแผนการน่าจะไตร่ตรองวางแผนมานานพอสมควร ไม่ใช่คนบ้า ไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่คนเมา เราไม่เอาอันนี้มาเกี่ยวกัน

 

"วราวิทย์" ถามแล้วอะไรที่เป็นกระตุ้นให้คนหนึ่งซึ่งอาจจะไม่มีประวัติอะไรแบบนี้มาก่อน อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาทำ

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล" ตอบว่า ที่เรามีข้อมูลแน่ๆ คือ มนุษย์คนมีสุขภาพจิตไม่ดีแน่ๆ จะใช้คำว่าเขาเป็นอะไรแล้วอะไรทำให้เขาเป็นอย่างนี้ได้ เพราะการที่คนๆหนึ่งสุขภาพจิตไม่ดี ไม่ได้แปลว่าจะต้องป่วย แล้วการที่คนหนึ่งป่วย ก็ไม่แปลว่าสุขภาพจิตไม่ดีเสมอไป เป็นอะไรที่คาบเกี่ยวกันอยู่

 

"เวลาเราดูคนๆหนึ่งว่าสุขภาพจิตเป็นยังไงเราดูจากวิธีการใช้ชีวิตของเขา การตัดสินใจของเขาความสามารถในการดำรงชีวิตของเขากับสังคม คนๆนี้ชัดเจนว่ามีปัญหาเรื่องการงานการปรับตัวกับสังคมตำรวจปัญหาในครอบครัว มีปัญหาหลายอย่างบ่งชี้ชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะพังทลายออกอาการมานานแล้ว ผมเข้าใจว่าเพื่อนตำรวจก็เห็นว่าคนนี้ระเบิดเวลาลูกนึงที่เดินได้มานานพอสมควรแล้ว แต่ระบบของเราในการดูแลบุคลากรของเรามีไม่พอ"

 

"วราวิทย์" ถาม  แต่ว่ามีตั้งหลายคนชีวิตประสบความล้มเหลว มีคดีความถูกไล่ออกจากราชการตกงานไม่มีรายได้ มีปัญหาในครอบครัว เราจะรู้ได้ยังไงว่าวันดีคืนดีเขาจะลุกขึ้นมาก่อเหตุแบบนี้

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล" ตอบว่า ผมถึงบอกไงว่าคุณจะอธิบายง่ายๆไม่ได้ว่าคนนี้เป็นอย่างนี้เลยทำอย่างนี้เพราะว่ามีคนเป็นอย่างนี้เขาไม่ทำมัน จริงๆแล้วไม่สามารถรู้ได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ว่าอย่างน้อยเราควรจะมีเครื่องมืออะไรบางอย่าง ควรจะมีระบบการคัดกรอง  เราควรจะมีดัชนีชี้วัดกลางของประเทศ ว่าอะไรคือการฆาตกรรมหมู่แม้กระทั่งตรงนี้เรายังไม่มีเลย เรายังไม่มีเหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งตกลงเคสนี้เป็นอะไรกันแน่ผมไม่เห็นสำนักงานตำรวจแห่งาติพูดสักคำ

จิตแพทย์ วิเคราะห์ ทำไมต้องลงมือกับเด็ก 

 

"วราวิทย์" ถามทำไมต้องลงมือกับเด็ก คุณหมอมีข้อสังเกตอย่างไรในทางจิตวิทยา

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล" ตอบว่า ข้อที่หนึ่งเป็นการลงทุนในสายตาของเขานะ เพราะในสายตาของผู้ก่อเหตุการลงมือกับเด็กเป็นการลงทุนน้อย แต่ได้กำไรมาก ใช้ทรัพยากรต่ำใช้กำลังต่ำแต่ได้ผลกระทบที่เขาต้องการสูงสุด เขาสะเทือนสังคมทำร้ายหัวใจของพวกเราทุกคน

 

"วราวิทย์"  ถามคุณหมอมองว่าเขาน่าจะผ่านกระบวนการคิดวางแผนมาระยะหนึ่ง

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล"  ตอบว่า เขาไตร่ตรองมาก่อนแน่นอน คลุ้มคลั่งทำแบบนี้ไม่ได้ เราจะสรุปแบบนั้นไม่ได้ ทุกเคสในเมืองนอกออกอาการมาก่อนแล้วทั้งสิ้น ของเราก็ออกอาการมาก่อนเพียงแต่เราไม่มีองค์ความรู้ว่านี้มันคือสัญญาณแสดงเตือน

 

"วราวิทย์" ถามการที่เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองหลังก่อเหตุ มีข้อสังเกตอย่างไรในทางจิตวิทยาไหมครับ

 

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล" ตอบว่า ในทางพฤติกรรมศาสตร์การฆาตกรรมหมู่ถือเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะทุกคนที่ทำตั้งใจฆ่าตัวตายแต่แรก คนมักเข้าใจผิดคิดว่าทำเสร็จแล้วกลัวความผิด กลัวความผิดเลยหนีด้วยการฆ่าตัวตาย ไม่ใช่ เขาตั้งใจตายแต่แรกแล้วเขาถึงมีบางอย่างเพิ่มเข้าไป

"นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล" กล่าวว่า  ขณะนี้ จิตแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นทีมปฐมพยาบาลทางจิตใจ กำลังลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเหยื่อโดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต  ซึ่งสังคมต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์ที่โคราช ที่ไม่ควรทำพฤติกรรมซ้ำ ที่นำเหยื่อผู้สูญเสียมาถูกย่ำยีแบบเดิม เพราะจะยิ่งทำให้เจ็บปวด ควรให้สหวิชาชีพเข้าดูแล และการเยียวยาด้านจิต
วิญญาณทางวัฒนธรรม ประเพณี เป็นเรื่องที่ขวัญกำลังใจดีมาก 

 

"น.พ.เดชา" วิเคราะห์ว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่จังหวัดหนองบัวลำภู มีลักษณะฆาตกรหมู่ โดยการนับจำนวนผู้เสียชีวิต เริ่มจากก่อเหตุในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์  จากนั้นก่อเหตุยิงชาวบ้านท้องถนน และทำร้ายครอบครัวตนเองทั้งภรรยาและบุตร  เหมือนการนับจำนวนคนเสียชีวิต เหมือนการ ทำสถิติ และตั้งใจที่จะเลือกวันก่อเหตุสะเทือนขวัญ  

 

"คดีนี้ควรมีการศึกษาวิเคราะห์ เปรียบเทียบตั้งแต่เหตุการณ์ที่โคราช และ หนองบัวลำภู และลพบุรี ควรวิเคราะห์ว่าเป็นโรคระบาดติดเชื้อทางกาย หรือไม่ และถึงเวลาที่จะต้องหาวิธีแก้ไขสังคมนี้ ก่อนที่จะเกิดคดีลักษณะฆาตกรรมหมู่ขึ้นอีกใน 2-3 ปีข้างหน้า ที่ผู้ก่อเหตุมีเจตนาที่จะฆ่าตัวตาย  ซึ่งประเทศไทย พบในกลุ่มบุคลากรด้านความมั่นคง  และ ไม่เหมารวมว่าเกิดจากยาเสพติด หรือเดาสุ่มสาเหตุอื่นๆๆ ซึ่งถึงเวลาที่ค้องศึกษาอย่างจริงจัง"
 

 

ชมคลิป >>>  วิเคราะห์ "สังหารหมู่" หน่วยงานรัฐพร้อมรับมือแค่ไหน