รัฐบาลยูเครน เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 4 รายในกรุงเคียฟ และอีก 4 รายในแคว้นซูมี หลังจากรัสเซียโจมตีทางอากาศทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทั้งในกรุงเคียฟ แคว้นดนีโปร และแคว้นซูมี ทำให้ไฟฟ้าดับในหลายร้อยเมืองและหมู่บ้าน และคลังน้ำมันในโรงงานผลิตน้ำมันทานตะวันในเมืองมิโคเลฟลุกไหม้ด้วย ยูครน กล่าวหาว่า รัสเซียใช้โดรนกามิกาเซ่ ที่ผลิตโดยอิหร่านในการโจมตีครั้งนี้ โดรนชนิดนี้จะพุ่งใส่เป้าหมายและระเบิดทำลายตัวเอง
นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เปิดเผยว่า การโจมตีของรัสเซียเริ่มขึ้นตั้งแต่ราว 6.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยโดรน 28 ลำถูกส่งไปทำลายเป้าหมายในกรุงเคียฟ และมีเพียง 5 ลำทำลายเป้าหมายได้
ขณะที่กองทัพยูเครน เผยสามารถยิงสกัดโดรนได้ 37 ลำตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ หรือเกือบ 85% ของโดรนทั้งหมดที่ถูกส่งมาโจมตี แต่เดนนิส โมนาสตีร์สกี รัฐมนตรีมหาดไทย บอกว่า ฝ่ายความมั่นคงสามาถยิงทำลายโดรนได้ 36 ลำจาก 42 ลำในวันจันทร์
นอกจากนี้มีคลิปวิดีโอแพร่สะพัดในโซเชียลมีเดียขณะตำรวจพยายามกระหน่ำยิงสกัดโดรนหลายลำในกรุงเคียฟ และตำรวจ อ้างว่า สามารถสอยร่วงได้ 1 ลำ
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศว่า ยูเครนจะนำตัวชาวรัสเซียทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีด้วยโดรนกามิกาเซ่ มารับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการยุติธรรม
และดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เรียกร้องให้สหภาพยุโรปคว่ำบาตรอิหร่านสืบเนื่องจากการจัดหาอาวุธให้รัสเซีย เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า ใครก็ตามที่ช่วยเหลือรัสเซีย จะต้องชดใช้
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ยืนยันว่า อิหร่านไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และไม่ได้ส่งออกอาวุธให้ฝ่ายใดด้วย
ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า ในช่วง 24 ชม. ที่ผ่านมา กองทัพยังคงโจมตีทางอากาศด้วยอาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูง ทำลายกองบัญชาการทหาร โครงสร้างพื้นฐานดานการสื่อสารและพลังงาน และเป้าหมายที่กำหนดไว้ถูกทำลายได้ทั้งหมด รวมทั้งระบุว่า ทำลายคลังอาวุธได้ 6 แห่ง
การโจมตีล่าสุดเกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากรัสเซียโจมตีทางอากาศต่อกรุงเคียฟและอีกหลายเมืองทั่วยูเครน ที่เป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดฉากสงครามในปลายเดือน ก.พ. โดยรัสเซียให้เหตุผลในการโจมตีในครั้งนั้นที่มีผู้เสียชีวิต 19 รายว่า มุ่งตอบโต้เหตุระเบิดบนสะพานเชื่อมระหว่างไครเมียกับรัสเซีย