เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กรณี "นายสุนทร วิลาวัลย์" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี อดีต ส.ส.ปราจีนบุรี 8 สมัย บิดาของ "นางกนกวรรณ วิลาวัลย์" รมช.ศึกษาธิการ ตกเป็นจำเลยคดีร่วมกับพวกบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ในช่วงปี 2545 กระทั่งนำมาสู่การออกหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 และตำรวจสามารถจับกุมนายสุนทรได้ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนที่ภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ไฟเขียวให้ประกันตัวในวงเงิน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข (อ่านข่าว)
ล่าสุด นายสุนทร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจในเรื่องนี้ว่า การที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กล่าวหาว่า บุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น
"ปกติผมเป็นคนรักต้นไม้ รักธรรมชาติ รักเขา รักหิน รักน้ำ ชอบชายเขามากกว่าชายทะเล ชายทะเลจะเหนียวตัว แต่เขาอากาศดี ไม่เหนียวตัว ผมชอบ ถ้ามีคนเสนอขายที่ให้ผม เขาก็บอกมีใบจอง มีหลักฐานที่เขาครอบครองอยู่ ผมก็ซื้อ"
"เมื่อผมซื้อแล้ว ไม่มีความรู้ด้านนี้ ก็ไปปรึกษาป่าไม้ ทางที่ดิน ที่มีความรู้ด้านนี้ว่า ผมจะออกเอกสารได้อย่างไร ก็มีกฎหมายอยู่ฉบับหนึ่งว่า คนที่ทำกินแล้วและมีหลักฐานจริง ๆ และไม่เข้าที่ป่าสงวนก็สามารถออกหลักฐานได้ เพื่อให้คนนั้นมีโอกาสมีทรัพย์สินของตนเองและจะทำประโยชน์ได้ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ ทำอะไรให้มีคุณค่า เมื่อซื้อแล้วผมจะออกหลักฐาน ก็มีเจ้าหน้าที่เอาระวางมาให้ดู ก็ไม่เคยดูว่าเขตนั้นเป็นอย่างไร ป่าไม้ก็เอาระวางมาให้ดู ผมจะซื้อ ก็ให้ที่ดินมาดูว่าจะออกโฉนดได้วิธีไหน ที่ดินก็แนะนำว่าทำวิธีนั้น วิธีนี้ ก็ยื่นไป"
"นายสุนทร" กล่าวอีกว่า "ที่ดินก็เชิญอุทยานมาดู แล้วที่ดินก็ออกหลักฐานให้ ไม่เกินที่ดินแนวเขตของป่าไม้ที่ชี้ไว้ ตนเองมีเจตนาแค่นี้ และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่ดินและป่าไม้ก็กลัวผิดกลัวติดคุก เขาคิดว่าเขาไม่ผิดเขาถึงกล้าออกโฉนดให้ และการพัฒนาที่ดินในปี 2563 ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมนั้น ผมก็ออกหลักฐานแล้ว ตอนที่จ้างไปพัฒนาที่ดินก็ย้ำแล้วว่า ที่ดินทุกแปลงจะทำประโยชน์ให้เรียบร้อยสวยงาม จะพัฒนาให้ดี ให้อยู่ในแนวเขต ถ้าต่ำกว่าหน่อยก็ยิ่งดี"
"นายสุนทร" กล่าวว่า ไม่ทราบว่าลูกน้องที่รับงานจากตนเองไปทำเกิน จึงได้ต่อว่าลูกน้องไป ลูกน้องก็บอกว่า ก็นึกไม่ถึงว่าแบ็กโฮเขี่ย ๆ แล้วเลยไป 1 - 2 เมตร เป็นระยะทางยาวจึงเป็นพื้นที่มาก ตนก็บอกว่าน่าจะไปควบคุมดู เขาก็เอาหลักไปปักแล้วแต่แบ็กโฮไถเกิน เราต้องการล้อมลวดหนาม ทำให้ที่เป็นพงหญ้าดูแล้วน่าจะไม่สวยงาม
ผมยืนยันไม่มีเจตนา หลักก็อยู่ที่เดิม ผมก็ต่อว่าลูกน้องว่าทำให้เสียชื่อ แต่ไม่มีเจตนาที่ธรรมชาติของหลวงของรัฐบาล ผมไม่มีรุกล้ำมีแต่จะเอาต้นไม้ไปปลูกเพิ่มให้"
"นายสุนทร" กล่าวในตอนท้ายว่า "ขอให้ทางราชการมาตรวจสอบให้แน่นอนว่า แนวเขตเป็นอย่างไร แนวเขตแค่ไหนก็ว่าตามนั้น ตนเองไม่ใช่คนที่เขียนเขต คนที่รับรองก็เป็นป่าไม้ ที่ดินก็ออกหลักฐานไม่เกินเข้าพื้นที่ของป่าไม้ รับรองว่าไม่เคยให้เงินสินบนเจ้าหน้าที่ที่ดินหรือป่าไม้ เพราะเอกสารสามารถตรวจสอบได้ตลอดชีวิต เพราะเป็นโฉนด เอามากางและดูแนวเขตกันได้ ตนเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำเพราะผิดกฎหมาย
ขอให้ข่าวนิดหนึ่งว่า สมัยท่านดำรงค์ พิเดช มาสัมภาษณ์ ผมขอชื่นชมว่าท่านเป็นคนดี เป็นคนรักผืนป่า ชื่นชมท่านตลอดเวลา แต่ขอเรียนว่า ขอให้ท่านมองลูกน้องข้าราชการชั้นผู้น้อยสักนิดหนึ่ง อย่าไปว่าเขารับสินบน รับ 10 ล้าน 20 ล้าน เขาเสียกำลังใจ เชื่อว่าท่านเป็นคนดี แต่ขอให้ท่านให้กำลังใจเด็ก ชั้นผู้น้อยบางครั้งเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านว่า ไปรับสินบน ไปรับเงินจากใคร ขอบคุณท่านดำรงค์ ทุกวันก็ยังนับถือท่าน"