เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (27 พ.ค.) นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ “แตงโม” นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกเรือจมน้ำเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายของคุณแม่ , และนายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ทำหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวก
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า คณะทำงานตรวจสอบการตายของ “แตงโม” จะประกอบด้วย นายอัจฉริยะ ดูแลเรื่องกฎหมาย และหลักฐานต่างๆ , นายวินัย ชุมสวัสดิ์ ทนายที่เคยทำคดีให้ “แม่ชมพู่” เป็นทนายความ , นายสุธีพงศ์ ชีวิตเจริญ ทนายที่เคยทำคดีให้นายวีรชัย พุทธวงศ์ หรือ "อาจารย์อ๊อด” เป็นทนายความ , นายบัญชา สุชญา หรือทนายอู๋ เป็นโฆษกให้คุณแม่ , และให้ น.ส.ภคอร จันทรคณา โฆษกพรรคไทยศรีวิไลย์ อดีตนางเอก และเป็นลูกสาวนางนัยนา ชีวานันท์ อดีตนักแสดงดัง จะคอยดูแลคุณแม่ ตลอดช่วง 2 ปีครึ่ง ที่มีการดำเนินคดีจนถึงชั้นศาลสูงสุด
ขณะที่ “แม่แตงโม” กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ลึกๆ ในใจของคุณแม่ รู้สึกเจ็บปวดชอกช้ำ จนถึงวันนี้ ยังคิดถึงลูกทุกวัน เพราะยังลืมไม่ได้ และอาจต้องใช้เวลาเป็นปี ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องคืนความยุติธรรมให้กับน้องแตงโม เป็นลูกสาวที่แม่รักสุดหัวใจ
“คุณแม่ต้องการให้ลูกได้รับความเป็นธรรม ตามกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นไปตามความจริงจนถึงที่สุด แม่มีความเข้าใจว่า น้องโมไม้ได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และคิดว่าอาจเป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง คุณแม่เสียเวลาไป 3 เดือนเต็ม ตอนนี้คุณแม่จะสู้แล้ว ลุกขึ้นมาสู้ด้วยความถูกต้อง คุณแม่จะสู้เพื่อลูก ที่ผ่านมาคุณแม่ก็สู้ แต่ไม่ได้บอกใคร แม่มีหลักฐานเยอะแยะเลย ถ้าแม่ไม่ต้องการช่วยลูก น้ำหนักคงไม่ลดไป 7 กิโลฯ เพราะว่าไม่ได้หลับได้นอน คุณแม่ตั้งใจหาความยุติธรรมให้ลูก โดนฆาตกรรมด้วยวิธีใด ใครเป็นผู้ทำ”
ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราไม่ได้ความจริงเลย เพราะคดีแตกแยกย่อยเป็นเรื่องอื่น ไม่เคยมีใครบอกความจริงในคดีกับคุณแม่เลย โดยการทำงานครั้งนี้จะมี พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือ "หมอพรทิพย์” และ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
“คุณแม่เคยขอเบอร์คุณอัจฉริยะ จากทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อจะขอบคุณ แต่ถูกห้าม เพราะเกรงว่าคุยแล้วจะไม่มีทางลง แต่ส่วนตัวยังรักทนายเดชาเหมือนเดิม แม้เขาจะชอบแขวะคุณแม่ และเขาคงคิดถึงคุณแม่ และจะไม่มีการเทคุณอัจฉริยะ อย่างแน่นอน แต่ที่เททนาย 2 คนก่อนหน้า ให้ดูเองว่าเขาเป็นอย่างไร”
ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้เปิดหลักฐานบางส่วนให้คุณแม่ดู คุณแม่เข้าใจเรื่องฆาตกรรมอำพรางแล้ว และเมื่ออัยการเลื่อนรับฟังคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา จากนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์เรือใหม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ข้อที่ตนเองร้องขอต่ออัยการไป โดยหลักฐานบางส่วนไม่สามารถเปิดให้ดูได้ เพราะอาจมีผลกระทบได้ เบื้องต้นได้มีการเชิญนายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา เข้ามาเป็นที่ปรึกษา และร่างคำฟ้อง ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ 15 สาขา เข้ามาช่วย
“คดีนี้แม่เสียเวลาไปเยอะแล้ว สิ่งที่เรารอคอย คือ คุณแม่ยอมรับว่า คดีนี้ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ จากการไปปัสสาวะท้ายเรือ หลังจากนี้จะใช้เวลาไม่นาน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน คดีนี้เราใช้นิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ไม่ได้ใช้คนเป็นหลัก ไม่ใช่แจ้งข้อหาประมาท แต่ไม่เคยมีคำตอบให้ประชาชน ถามทุกครั้ง ก็บอกอยู่ในสำนวน”
โดยวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะมีการใช้โดรนดำลงใต้น้ำ เพื่อหาพยานหลักฐานตามคำบอกเล่าของพยาน ที่อ้างว่า เห็นคนบนเรือทิ้งของลงแม่น้ำ 2 จุด และในอนาคตจะมีการดำเนินคดีพวกพยานเท็จ หรือเป็นพยานปรุงแต่งรายสำคัญ ที่ตำรวจเอามาอ้างอิง ทำให้คดีเกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีส่งมือถือให้ “บังแจ็ค” คุณแม่และตนเองจะไปแถลงวันที่ 2 มิ.ย.ที่ตำรวจไซเบอร์ เพื่อตอบข้อครหาต่างๆ เพราะตอนนี้คุณแม่ยังไม่พร้อม เนื่องจากโดนโจมตีหนัก เบื้องต้นคุณแม่ต้องการให้เขากู้ข้อมูลภาพ เพราะมีภาพประมาณ 550 ภาพ ถูกลบออกไป รวมถึงคลิป 2 คลิป ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจไม่เคยบอก มีเพียงผู้ต้องหาบางคน ระบุว่า ต้องลบภาพ เพราะภาพไม่สวย
“ยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมบังแจ็คได้ โดยผมยังไม่เชื่อว่า เขาจะกู้ภาพกลับมาได้ 4 หมื่นกว่าภาพ ตามที่บอก และการกู้ภาพดังกล่าว ไม่ได้มีแค่บังแจ็ค เพราะตำรวจก็ทำไปก่อนหน้านี้แล้ว”
ส่วนเรื่องการเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท หรือ 200 ล้านบาทนั้น เป็นข้อเสนอที่อีกฝ่ายบอกคุณแม่ ประกอบกับการคำนวนจากการทำงานของผู้ตาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้ตนเองบอกคุณแม่ว่า เป็นแค่ความฝัน เพราะเรายังไม่รู้ว่าตายเพราะอะไร เมื่อค้นหาความจริง และเข้าสู่ชั้นศาลแล้ว คุณแม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอยู่แล้ว