หากไล่เรียงไทม์ไลน์ย้อนกลับไปหลังจุรินทร์ เข้าทำหน้าที่หัวหน้าพรรค บุคคลสำคัญรวมถึงระดับแกนนำต่างทยอยตบเท้าลาออกจากประชาธิปัตย์ รวมแล้วกว่า 14 คน
เริ่มด้วย กษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งยื่นลาออก เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 62 ก่อนจะปิดท้ายด้วย ไพร พัฒโน ที่ประกาศลาออกจากพรรค เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 65 โดนจะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคเศรษฐกิจไทย
แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ระหว่างการบริหารมักจะเห็นคลื่นใต้น้ำภายในประชาธิปัตย์ตลอดเวลา อย่างช่วงการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อปี 2564 ที่พบว่า พนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี โหวตสวนมติของพรรค
หรือก่อนหน้านี้ ช่วงปี 2562 เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช ลงมติสนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44
ถัดมา อันวาร์ อดีตรองเลขาธิการพรรค ซึ่งมีการเคลื่อนไหวเรียกร้อง โดยเฉพาะให้กรรมการบริหารชุดจุรินทร์ จัดการกับผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคมาตลอด ก่อนทิ้งจดหมายน้อยผ่านสื่อ ระหว่างการสัมมนาส.ส. กรรมการบริหาร และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ณ โรงแรมแคนทารีฮิลล์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 65
โดยมีการตั้งคำถามถึงจุรินทร์ เพื่อตอบใน 2 ข้อ คือ
1.อนาคตพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ?
2.ในส่วนของส.ส. ที่มาจากประชาชนจำนวน 100 ที่นั่ง ตรงนี้เอามาจากไหน ?
ทั้งหมดเป็นเสี้ยวหนึ่งของภาพรวมภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังลอยลำเรือท่ามกลางพายุลูกโต และคลื่นใต้น้ำไหลเชี่ยวกราก