นายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ อธิบายว่า ข้อสงสัยในประเด็นลักษณะนี้ มีคำอธิบายไว้ในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ในขั้นตอนการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ที่คู่ความ รวมถึง อัยการ และตำรวจ ต้องไปแสวงหามาให้ได้มากที่สุด
หลักฐานสำคัญในคดีลักษณะนี้ คือ ตัวผู้เสียหายที่ออกมายืนยันว่าถูกคุกคาม ถูกลวนลาม หรือถูกใช้กำลังข่มขืน ซึ่งความสำคัญจะอยู่ที่การเบิกความในการระบุวิธีการ เวลา สถานที่ สภาพแวดล้อม ว่าสิ่งเหล่านีมีความน่าเชื่อถือเพียงใด
หลักฐานที่สำคัญรองลงมา คือ หลักฐานในทางวัตถุ ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งหมายถึงการนำตัวผู้เสียหายให้แพทย์ตรวจร่างกายในห้วงเวลาที่เหมาะสม
คำถามที่ตามมา คือ หากช่วงเวลาเกิดเหตุ ล่วงเลยระยะการตรวจสอบทางการแพทย์ได้ เช่น รอยช้ำ รอยขีดข่วน ไม่เหลือแล้ว จะพิสูจน์เรื่องการลวนลาม ข่มขืน อย่างไร เลขาธิการสภาทนายความ บอกว่า ศาลอาจรับฟังได้แต่คำให้การของผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น เรื่องเหตุและผลของการกระทำหรือไม่กระทำจึงสำคัญมาก
ประเด็นที่ไม่ควรลืม ก็คือ พฤติการณ์ที่เป็นไปโดยธรรมชาติของบุคคล อาจถูกนำมาใช้เป็นข้อพิรุธได้ / เช่น การถูกข่มขืน กระทำอนาจาร ที่ไม่ใช่การยินยอม แต่ปล่อยเวลา ทิ้งระยะนิ่งเฉย ถือเป็นข้อพิรุธที่น่าสงสัย เพราะวิญญูชนคงไม่นิ่งเฉย ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหา เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นนักการเมือง โดยยังอยู่ระหว่างสมัครเข้าชิงตำแหน่งสำคัญ ก็เป็นเรื่องที่น่าสังเกต