รัสเซียทุ่ม 15,000 ล้านปอนด์ต่อวัน ปิดจ็อบไม่ลง
การบุกยูเครนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ใช้งบวันละ 15,000 ล้านปอนด์ต่อวัน ไม่เป็นไปตามแผน ทำให้ฝั่งตะวันตกเชื่อว่าเงินสดกับอาวุธรัสเซียจะไม่เหลือมาทำสงคราม ถ้ายูเครนสามารถต้านได้นาน 10 วัน และเมื่อถึงตอนนั้นรัสเซียอาจใช้ไม้ตายสุดท้ายคือ "อาวุธทำลายล้าง"
ริชาร์ด มัวร์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองต่างประเทศ (MI6) ของอังกฤษ ให้ความเห็นว่า รัสเซียจะไม่ชนะสงครามในยูเครน เพราะประเมินกำลังทหารและความมุ่งมั่นที่จะปกป้องดินแดนของตนเองของเพื่อนบ้านต่ำเกินไป ถ้าฝ่ายยูเครนสามารถตรึงอยู่ได้นาน 10 วัน ซึ่งข่าวระบุว่าเงินสด ยุทโปปกรณ์ และทรัพยากรอื่น ๆ ของรัสเซีย หมดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่งบสงครามถูกใช้ไปวันละ 15,000 ล้านปอนด์ (650,000 ล้านบาท) ส่วนใหญ่หมดไปกับจรวดที่ใช้โจมตี
สอดคล้องกับความเห็นของลอว์เรนซ์ ฟรีดแมน ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านสงครามศึกษาของ "King's College" ในกรุงลอนดอน ที่เขียนในบทวิเคราะห์ชื่อ "A Reckless Gamble" ระบุว่า ปูตินหมกมุ่นอยู่กับยูเครน ที่นำไปสู่ทฤษฎีอุกอาจต่าง ๆ นานา ที่ปรากฎเป็นข้ออ้างในการทำสงคราม สะท้อนถึงความคิดของเขา โดยคิดไม่ถึงว่าชัยชนะของมอสโคว์จะต้องไม่ได้มาด้วยสงคราม ต่อให้รัฐบาลยูเครนสูญต้องเสียการควบคุมกรุงเคียฟ จำเป็นต้องหนีไปและระบบบัญชาการของกองทัพล่มสลาย แต่ไม่ได้หมายความรัสเซียชนะสงคราม เพราะชัยชนะที่แท้จริงต้องชนะใจประชาชนชาวยูเครนด้วย
แหล่งข่าวกรองหลายสำนักระบุว่า สงครามไม่เป็นไปตามแผนที่รัสเซียคาดหวัง เพราะรัสเซียผยองและมั่นใจจนเกินไป สวนทางการกลยุทธ์ที่อ่อนด้อยและคาดไม่ถึงกับการต้านทานจากฝ่ายยูเครนที่สู้ยิบตาเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ มีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นซากขบวนรถทหารรัสเซียที่มีเครื่องหมาย (Z) ถูกทำลายใกล้เมืองเคอร์ซัน ทางใต้ของยูเครน ในการปะทะกันเป็นวันที่ 3 และทหารยูเครนสามารถต้านการรุกคืบของรัสเซียได้ และยังมีวิดีโอแสดงให้เห็นรถทหารรัสเซีย 20 คัน ได้ร้บความเสียหายที่เมืองคาร์คีฟ ที่เชื่อว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิต อันเป็นหลักฐานการสูญเสียอย่างหนักของฝั่งรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมยูเครนอ้างว่า รัสเซียสูญเสียทหารไปแล้วราว 2,800 นาย, รถถัง 80 คัน, รถหุ้มเกราะ 516 คัน, เครื่องบินรบ 10 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เชื่อว่า รัสเซียเผชิญการต้านทานที่คาดไม่ถึง แม้จะคิดว่าเหนือกว่าตอนที่ใช้แผนบุกจากทุกทิศทาง ทำให้กลายเป็นฝ่ายสูญเสีย ขณะที่ฝ่ายกองทัพยูเครนใช้ยุทธวิธีง่าย ๆ ด้วยการให้ประชาชนช่วยกันเอาป้ายชื่อถนน หมู่บ้าน และเมืองออกให้หมด เพื่อสร้างความสับสนให้ศัตรู
แม้นักวิเคราะห์หลายคนจะลงความเห็นว่า การที่กองทัพรัสเซียไม่สามารถยึดกรุงเคียฟของยูเครนได้อย่างเบ็ดเสร็จตามแผนว่า เป็นเพราะความหยิ่งผยองมั่นใจเกินไป แต่ในความเป็นจริงการที่ตะวันตกจะแสดงท่าทีว่าไม่ส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครนรบ และผู้นำยูเครนก็ประกาศว่าต้องสู้เพียงเดียวดาย แต่นี่อาจเป็นหลุมพรางที่ทำให้รัสเซียตายใจ เพราะอย่าลืมว่าทั้งอังกฤษกับสหรัฐฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธี เข้าไปฝึกให้กองทัพยูเครนตั้งแต่ก่อนสงครามจะปะทุ ยังไม่รวมการป้อนยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ที่อาจเป็นกลยุทธ์สอนแจ็คให้ล้มยักษ์ก็เป็นได้
แต่นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า รัสเซียอาจใช้แผนที่โหดกว่าเดิม เพราะมีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็น ระบบจรวดเพลิงหรือจรวดหลายลำกล้อง TOS-1 บูราติโน่ (Buratino) หรือ พินอคคิโอ ที่พรมแดนยูเครน ซึ่งยุทโปกรณ์ชนิดนี้ได้ชื่อว่า "โหดที่สุด" ในการทำลายศัตรู เพราะสามารถทำการยิงจรวดทุกลูกได้ภายในเวลา 15 วินาที ใช้หัวรบเทอร์โมบาริค (father of all bombs) ที่จะปล่อยสารเคมีแพร่ไปในอากาศ (FAE) สามารถแทรกซึมเข้าไปในอาคารสิ่งปลูกสร้างรวมถึงถ้ำและสนามเพลาะ จากนั้นก็จะจุดระเบิดให้อากาศติดไฟ ทำให้เกิดการเผาไหม้และเกิดแรงดันอากาศอย่างรุนแรง
