วันนี้ (2 ก.พ.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ว่า เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศประกอบกัน ซึ่งเดิมราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวขยับลง และสหรัฐฯ ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันเจอกับอากาศหนาว จึงส่งผลต่อราคา รวมถึงกรณีปัญหาการเมืองระหว่างรัฐเซียกับยูเครน
ยืนยันว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้มีการตรึงราคาน้ำมัน แต่ให้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรี พร้อมยอมรับว่า การลดสัดส่วนน้ำมันชีวภาพโดยปรับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลให้เป็นไปตามสัดส่วนการผสมของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตร น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 10 โดยปริมาตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 20 โดยปริมาตร ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมันได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนจะต้องมีการเพิ่มวงเงินกู้กองทุนน้ำมันเพิ่มหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ ยืนยันว่า ขณะนี้อยู่ในจำนวนเงินที่ได้กำหนดไว้ ขณะที่ปัญหาราคาน้ำมันและสินค้าพุ่งสูงจะส่งผลกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายใน แต่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อประคับประคองและเชื่อว่าราคาสินค้าพุ่งสูงนั้น จะเป็นปัญหาระยะสั้นเท่านั้นไม่ใช่ปัญหาถาวร
นายสุพัฒนพงษ์ ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามทำดีที่สุดภายใต้กรอบการบริหารจัดการ ประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤตโควิด- 19 ครั้งสำคัญ ก่อนที่จะย้อนถามว่า วิกฤตเหล่านี้หมดไปแล้วหรือไม่ หากกลับสู่สภาพเดิมได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อวิกฤตไม่หมดต้องประคับประคองให้เกิดโอกาสที่ดีขึ้น แต่คนไทยต่างหากที่มองอาจรู้สึกไม่ทันใจ ยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องอาศัยการท่องเที่ยวและบริการเป็นหลัก นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจเปิดประเทศด้วยความระมัดระวัง อยากให้คนไทยกลับมามีชีวิตที่ปกติหรือดีกว่าเดิม แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงตรงนั้น ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา
เมื่อถามว่า กระแสข่าวยุบสภาฯ ที่ออกมาในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอดูผล แต่วานนี้หากติดตามผลการสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร มองว่า เศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีนี้จะดีกว่าเมื่อ 7 - 8 ปีที่แล้ว จากปัจจัยภายนอกและปัจจัยหนุนสำคัญ คือเรื่องที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 ได้ รวมไปถึงการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการขนส่ง โทรคมนาคม
อย่างไรก็ตาม นายสุพัฒนพงษ์ ปฏิเสธการตอบคำถาม ในประเด็นการเมือง โดยระบุว่า ขอสื่ออย่าถามประเด็นดราม่า ยืนยันว่า ตนพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว