เว็บไซต์ Defense One รายงานว่า กองอำนวยการสถาบันวิจัยกองทัพบกวอลเตอร์รีด (WRAIR) ที่มีฐานอยู่ในรัฐแมรีแลนด์ของสหรัฐฯ เตรียมเปิดตัววัคซีน "สไปค์ เฟอร์ริทิน นาโนพาร์ทิเคิล" (Spike Ferritin Nanoparticle) หรือ SpFN ที่ใช้เวลาพัฒนาเกือบ 2 ปี และได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถป้องกันไวรัสทุกชนิดที่มีอยู่และไวรัสกลายพันธุ์ทุกสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นโคโรนาไวรัสที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 หรือไวรัสโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส (SARS)
กองทัพเริ่มพัฒนาวัคซีน SpFN เมื่อต้นปี 2563 ส่วนกำหนดการเปิดตัวขั้นสุดท้าย จะมีขึ้นก็ต่อเมื่อกองทัพส่งผลทดสอบไปให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) แต่ยังไม่ชัดเจนว่าวัคซีน SpFN เป็นแบบโดสเดียวหรือหลายโดส ส่วนจุดเริ่มต้นของการพัฒนา ก็คือการสร้างวัคซีนที่สามารถป้องกันไวรัสที่มีอยู่ทุกสายพันธุ์ และไวรัสที่มีศักยภาพในการกลายพันธุ์ และได้ทดสอบกับสัตว์ไปแล้วเมื่อต้นปีจนได้ผลที่น่าพอใจ ก่อนทดสอบกับมนุษย์ในเฟส 1 เมื่อเดือนเมษายน ปีนี้
ดร.เคย์ ม้อดจาร์รัด ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อของวอลเตอร์รีด ยืนยันกับ Defense One ว่าการทดสอบกับมนุษย์เฟส 1 เมื่อต้นเดือน ประสบความสำเร็จทั้งต่อสายพันธุ์โอมิครอนและไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ เพราะนอกจากจะสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งแล้ว และยังป้องกันในวงกว้างต่อไวรัสโควิดและซาร์สได้หลายสายพันธุ์
นับเป็นข่าวดีล่าสุด ในขณะที่ไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนกำลังระบาดทั่วประเทศสหรัฐฯ หลังถูกพบครั้งแรกที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ก่อนจะครองสัดส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ 73% ของประเทศ แต่ครองสัดส่วน 90% ในบางรัฐ เช่น นิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ และพบผู้เสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้เป็นคนแรกในสหรัฐฯ ที่เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ที่พบว่าฉีดวัคซีนแล้ว เคยติดเชื้อโควิด-19 และหายแล้ว ก่อนกลับมาติดเชื้อใหม่และเสียชีวิต