บริษัท เมอร์ค ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ และบริษัท ริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวทิกส์ ที่พัฒนายาโมลนูพิราเวียร์ร่วมกัน ลงนามข้อตกลงเรื่องสิทธิบัตรยากับองค์กรจัดการสิทธิบัตรยาร่วม หรือ MPP ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ เพื่อให้ MPP สามารถให้สิทธิการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์แก่บริษัทที่มีคุณสมบัติเหมาะสมใน 105 ประเทศทั่วโลกเพื่อให้บริษัทเหล่านี้สามารถผลิตยาชื่อสามัญได้ ซึ่งจะทำให้ 105 ประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถเข้าถึงยาตัวนี้
นอกจากนี้เมอร์คและริดจ์แบ็คจะไม่เรียกเก็บค่าสิทธิจากบริษัทที่ผลิตยา โมลนูพิราเวียร์ ตราบเท่าที่องค์การอนามัยโลกยังกำหนดว่าการระบาดของโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
ข้อตกลงนี้จะทำให้สามารถขยายปริมาณการผลิตได้อย่างมหาศาลและจะทำให้ราคายาถูกลงด้วย หลังจากมีรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯสั่งซื้อยานี้ด้วยราคาเกือบ 700 ดอลลาร์ต่อคอร์ส หรือราว 23,000 บาท ซึ่งคอร์สหนึ่งประกอบด้วยยา 40 เม็ดสำหรับรับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน
เมอร์ค เปิดเผยว่า โมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการลดอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 50% สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง ขณะที่คาดว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ และสำนักงานยายุโรปจะอนุมัติการใช้ยาตัวนี้เป็นกรณีฉุกเฉินภายในอีกไม่กี่สัปดาห์
ยาตัวนี้สามารถผลิต ขนส่ง เก็บรักษา และใช้งานได้ง่าย จึงได้รับความสนใจอย่างมากจากประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ที่มีระบบสาธารณสุขอ่อนแอและมีวัคซีนป้องกันในปริมาณจำกัด
และเบื้องต้นเมอร์คได้ทำสัญญากับผู้ผลิตยา 8 รายในอินเดียให้ผลิตยาชื่อสามัญของโมลนูพิราเวียร์แล้ว และอีกเกือบ 20 บริษัททั่วโลกแสดงความสนใจผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ภายใต้สิทธิบัตรของ MPP