ประธานาธิบดีอิหร่านบอกเมื่อวันพุธ (27 ต.ค.) ว่า กระทรวงน้ำมันต้องรักษา “ความตระหนักรู้และความพร้อม” หลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ ที่ทำให้เครือข่ายการจ่ายน้ำมันเป็นอัมพาต ซึ่งขัดขวางการขายน้ำมันเบนซินในทั่วสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้
ประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และพูดคุยกับลูกค้าและพนักงานเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันก่อน ซึ่งทำให้ชาวอิหร่านไม่สามารถเติมน้ำมันรถได้
ในแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ ประธานาธิบดีบอกว่ากระทรวง “ต้องมีระดับของความพร้อม เพื่อที่ว่าจะสามารถสกัดการโจมตีทุกประเภทได้ และป้องกันศัตรูไม่ให้รบกวนชีวิตของผู้คนผ่านซอฟต์แวร์ได้อย่างสิ้นเชิง ”
ประธานาธิบดีระบุว่าการโจมตีมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "จุดชนวนความโกรธของสาธารณชน" โดยบอกในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธว่า “บางคนตั้งเป้าที่จะจุดชนวนความโกรธของสาธารณชนด้วยการสร้างความวุ่นวายและรบกวนชีวิตของผู้คน”
การหยุดชะงักเมื่อวันอังคาร (26 ต.ค.) เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนวันครบรอบปีที่ 2 ของการประท้วงนองเลือดในอิหร่านเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 50 % ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ทำให้การเมืองกลายเป็นการประท้วงที่เรียกร้องให้ผู้ปกครองระดับสูงของประเทศลาออกจากตำแหน่ง กลุ่มนิรโทษกรรมสากลบอกว่างานนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คน แต่เจ้าหน้าที่อิหร่านปฏิเสธตัวเลขดังกล่าว
การโจมตีมุ่งไปที่ระบบอินทราเน็ต ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ในราคาที่ได้รับการอุดหนุนผ่านทางสมาร์ทการ์ดที่ออกให้โดยรัฐบาล
แฮกเกอร์ยังยึดป้ายโฆษณาดิจิทัลบนทางหลวงในกรุงเตหะรานและที่อื่น ๆ โดยทำให้พวกมันแสดงข้อความว่า: " ผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี เชื้อเพลิงของเราอยู่ที่ไหน "
มีเพียง 5% ของสถานีบริการน้ำมัน 4,300 แห่งที่เชื่อมต่อเข้าระบบได้ในช่วงเช้าวันพุธ แต่สถานีบริการเกือบ 3,000 แห่งสามารถขายน้ำมัน "ออฟไลน์" ได้ แต่เป็นในราคาที่ไม่ได้รับการอุดหนุน
ขณะที่คนส่วนใหญ่ ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงที่ได้รับเงินอุดหนุน เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายปี
รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน จาหวัด โอวจี บอกว่าอิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่อาบอลฮัสซัน ฟิรูซาบาดี เลขาธิการสภาสูงสุดแห่งไซเบอร์สเปซของอิหร่านบอกว่าลักษณะของการโจมตีแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของอีกประเทศหนึ่ง แต่ยัง "เร็วเกินไปที่จะประกาศว่าประเทศใดและด้วยวิธีใด"
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Predatory Sparrow หรือ " นกกระจอกนักล่า " อ้างว่าได้แฮ็กเครือข่ายของอิหร่าน โดยบอกว่าการแฮ็กเป็น "การตอบสนองต่อการกระทำทางไซเบอร์ของระบอบการก่อการร้ายของเตหะรานที่กระทำต่อผู้คนในภูมิภาคและทั่วโลก" และเสริมว่าได้เตือนเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของอิหร่านล่วงหน้าแล้ว และได้เลือกที่จะไม่ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนที่อาจก่อให้เกิด "ความเสียหายระยะยาวมาก ๆ"
ในอดีต เตหะรานเคยกล่าวโทษสหรัฐฯ และอิสราเอลสำหรับการโจมตีทางออนไลน์หลายครั้ง อย่างในเดือนกรกฎาคม เว็บไซต์ของกระทรวงคมนาคม ก็ถูกระงับโดยสิ่งที่สื่อของรัฐกล่าวว่าเป็น “การหยุดชะงักทางไซเบอร์”
ในเดือนเดียวกัน บริการรถไฟของอิหร่านก็ต้องล่าช้าเนื่องจากการโจมตีทางอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้กระดานข้อความที่สถานีแสดงรถไฟอย่างไม่ถูกต้องว่าขบวนรถไฟล่าช้าหรือยกเลิก และแฮกเกอร์ได้โพสต์หมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี เป็นหมายเลขสำหรับโทรสอบถามข้อมูล ซึ่งทางกลุ่ม " นกกระจอกนักล่า " ก็อ้างด้วยว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้
ในทางกลับกัน ประเทศตะวันตกบางประเทศก็กล่าวหาอิหร่านว่าพยายามขัดขวางและบุกเข้าไปในเครือข่ายของตน