จากกรณี คุณยายวัย 84 ปี ชื่อนางสาวมิตร์ เกรียมมะเริง อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 301 ซอยเดชอุดม 22 ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อนบ้านและที่ดินถูกยึด จะไม่มีที่ซุกหัวนอน เหตุหลานแท้ๆ ติดหนี้นอกระบบ แต่ไม่มีเงินใช้หนี้ จนต้องนำเอาโฉนดบ้านและที่ดินที่คุณยายมิตร์ฯ พักอาศัยอยู่กับเหลนในปัจจุบันไปจำนองกับสถาบันการเงินหลายแห่ง จนมูลหนี้เดิม 8,000 บาท พอกพูนขึ้นเป็น 350,000 บาท สุดท้ายถูกประกาศขายบ้านและที่ดิน โดนเร่งรัดภายใน 3 เดือนต้องย้ายออก หรือหาเงินมาชำระหนี้ให้ครบจำนวน พร้อมกับค่าโอนอีก 20,000 บาท รวมเป็นยอด 370,000 บาท ซึ่งทำให้นางสาวมิตร์ฯ รู้สึกทุกข์ใจและท้อแท้อย่างมากที่จะไม่มีที่ซุกหัวนอน จนมีผู้ใจบุญและภาคส่วนต่างๆ ที่ทราบเรื่อง ระดมบริจาคให้ความช่วยเหลือมากถึง 937,765.40 บาท เพื่อให้คุณยายมิตร์ฯ และเหลนสาวได้มีที่พักอาศัยต่อไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 25 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามความคืบหน้าการช่วยเหลือคุณยายมิตร์ฯ ซึ่งนางสาคร ลาภวิบูลย์สุข หัวหน้าชุด ข้าง สภ.โพธิ์กลาง กู้ภัยฮุก 31 โคราช กล่าวว่า หลังจากได้นำคุณยายมิตร์ ฯ ไปปิดบัญชีและถอนเงินจำนวน 370,000 บาท เตรียมไปใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้แล้วนั้น ได้ประสานเจ้าหนี้ให้เดินทางมายังสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เพื่อทำเรื่องโอนที่ดินกลับคืนคุณยายมิตร์ฯ ซึ่งได้คิวโอนในวันจันทร์ที่ 27 กันยายนนี้ ส่วนเงินส่วนที่เหลือ ยังคงจำนวนที่เหลือไว้ในบัญชีตามเดิม ยังมีการเบิกเงินออกมาอีก จนกว่าจะได้หารือร่วมกันกับประธานชุมชนในเรื่องการจัดหาช่างมาซ่อมแซมบ้านให้คุณยาย ซึ่งเบื้องต้น จะแต่งตั้งบุคคลที่ไว้วางใจได้ 3 คน มาดูแลบัญชีให้กับคุณยาย เพื่อที่การเบิกถอนมาซ่อมแซมบ้านและสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะได้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับคุณยายมิตร์ฯ และเหลนสาว
ส่วนหลานสาว ที่เอาที่ดินและบ้านไปจำนอง แต่ไม่มีเงินใช้หนี้ จนต้องถูกยึดบ้านและที่ดินนั้น คุณยายมิตร์ รวมทั้ง ตนและประธานชุมชน ได้หารือกันเบื้องต้น ว่า จะกันหลานคนนี้ออกไป ไม่ให้มายุ่งเกี่ยว ซึ่งหลังจากโอนโฉนดที่ดินกลับคืนมาแล้ว ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของคุณยายมิตร์ฯ เท่านั้น ส่วนจะมอบให้เป็นมรดกแก่ญาติคนไหนต่อไป คุณยายมิตร์ฯ จะทำพินัยกรรมเอาไว้ และจะระบุว่า เป็นญาติคนไหนที่สมควรได้รับมรดกบ้านและที่ดินผืนนี้ไป ซึ่งเดิมที่ดินโฉนดผืนนี้ เคยยกให้กับหลานสาวคนที่ก่อเรื่อง ตั้งแต่ตอนอายุ 12 ปี แต่สุดท้ายก็ปกป้องเอาไว้ไม่ได้ จนเกือบจะถูกยึด ไร้ที่ซุกหัวนอน ซึ่งปัญหานี้สิน เริ่มจากการที่หลานไปกู้หนี้นอกระบบ 8,000 บาท แล้วไม่มีปัญญาใช้ จึงเอาโฉนดที่ดินและบ้านไปจำนองไว้กับสถาบันการเงินแห่งที่ 1 ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อนำเงินไปโปะหนี้นอกระบบ แต่ก็เกิดปัญหาไม่มีเงินจ่ายคืนสถาบันการเงินอีก จึงไปรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินแห่งที่ 2 เป็นวงเงินราว 290,000 บาท ผ่อนใช้เดือนละ 6,000 บาท แต่ผ่อนจ่ายได้เพียงเดือนเดียว ก็ไม่มีเงินผ่อนใช้หนี้อีก หนีหายไปติดต่อไม่ได้ จนสุดท้าย สถาบันการเงินแห่งที่ 2 จึงประกาศขาย และมีนายทุนมาซื้อไว้ ก่อนจะทำสัญญาซื้อขายให้กับผู้ซื้อ ซึ่งเป็นเจ้าของโฉนดคนล่าสุด ในราคา 350,000 บาท จนเรื่องล่วงเลยมาถึงขั้นเร่งรัดให้ออกจากบ้านและที่ดิน ซึ่งตลอดระยะเวลาหลานที่ก่อปัญหาไม่เคยเข้ามาเหลียวแล แก้ไขอะไรเลย คุณยายมิตร์ฯ ต้องจมอยู่กับความทุกข์มาโดยตลอด โชคดีที่มีคนใจบุญให้ความเมตตามาช่วยเหลือ จึงมีเงินเพียงพอมาใช้หนี้ไถ่ถอนบ้านและที่ดินได้ดังกล่าว
โดย - ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ