ทฤษฎีแรกเชื่อว่าทั้งเยอรมนีและออสเตรีย ต่างก็ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจาก "กองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตร" ในฐานะ "รัฐอิสระ" หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และคนที่ไปใช้สิทธิ์จะถือว่าเป็น "กบฎ" ต้นตอที่เผยแพร่คือกลุ่ม "ไรส์เบอร์การ์ มูฟเม้นท์" (Reichsburger Movement) ที่ไม่ยอมรับสถานะในปัจจุบันของเยอรมนี ทั้งยังเชื่อมโยงกับกลุ่มขวาจัดต่อต้านยิว ที่ยังยึดชื่อเดิมคือ "ไรช์เยอรมัน" (Deutsches Reich) ขณะที่เยอรมนีสมัยใหม่ก่อตั้งเมื่อปี 2492 เมื่อสัมพันธมิตรรวมเขตยึดครองหลังสงครามเข้ากับบุนเดส รีพับลิค เป็นเยอรมนีตะวันตก ส่วนเขตควบคุมของโซเวียตเป็น DDR (เยอรมนีตะวันออก) ก่อนรวมชาติเป็น "สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี" หลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน เมื่อปี 2533
ยังมีทฤษฎีที่เผยแพร่โดย กลุ่มเควียร์เดนเกน (Querdenken) หรือ "ขบวนการมวลชนแห่งการคิดนอกกรอบ" ที่ต่อต้านการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ที่เผยแพร่ข้อมูลผิดๆ เช่น การจัดระเบียบออนไลน์ และการล็อกดาวน์ช่วงโควิด-19 เป็นแผนของ "พวกชั้นสูงในเงามืด" ที่หวังลดทอนสิทธิเสรีภาพ เพื่อหวังจะให้คะแนนเสียงถูกเทไปยังพรรคการเมืองของพวกขวาจัด ซึ่งกลุ่มนี้เพิ่งถูก Facebook ระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องไปถึง 150 บัญชี
กระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีได้เพ่งเล็งไปที่รัสเซียว่า พยายามแทรกแซงเพื่อรบกวนความสามัคคีในสังคม ความไว้วางใจในสถาบันของรัฐ กระบวนการตัดสินใจทางการเมือง และกระบวนการเลือกตั้งโดยเฉพาะการเสนอข่าวในเชิง "ปั่น" ของสำนักข่าว RT ที่เสนอข่าวว่ามีการแชร์ทั้งในโซเชียลมีเดียกระแสหลัก กับแพลตฟอร์มข่าวทางเลือก จนเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสของการลงคะแนนทางไปรษณีย์ ด้วยการตั้งข้อสังเกตว่าบางคนอาจลงคะแนนซ้ำ 2 ครั้ง