สำนักงานบริหารการขนส่งมวลชนแห่งนครนิวยอร์ก (Metropolitan Transportation Authority) หรือ MTA เริ่มบังคับใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเมื่อวันพฤหัสบดี (23 กันยายน) ด้วยการปรับใครก็ตามที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะใช้บริการรถประจำทางหรือรถไฟใต้ดิน
หลังจากประกาศใช้กฎนี้มาหลายเดือนแต่แทบไม่มีคนปฏิบัติตาม โดยระบุว่าระยะเวลาแห่งการเตือนได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากเริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563และนับจากนี้ไป ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกปรับเงิน 50 ดอลลาร์ (1,600 บาท)
มาตรการรักษาความปลอดภัยในรถไฟใต้ดินยังคงถูกจัดให้มีความสำคัญ ในระดับสูงสุดที่ไม่ใช่แค่การปกป้องผู้โดยสารจากอาชญากรรมแต่ยังรวมถึงโควิด-19 ด้วย โดยหลังจากแจกหน้ากากอนามัยให้ผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนหลายแสนชิ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
MTA ได้ตัดสินใจดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาด โดยส่งทั้งเจ้าหน้าที่และตำรวจของ MTA เข้าไปประจำการตามสถานีรถไฟใต้ดิน และสถานีรถประจำทางเพื่อดักคนทำงานและนักเรียน-นักศึกษา ที่ใช้บริการเพื่อไปสำนักงานหรือสถานศึกษา
MTA ยังบังคับใช้กฎเดียวกันนี้กับพนักงานของตัวเองด้วย หลังจากมีชาวนิวยอร์กเสียชีวิตเพราะ โควิด-19 จำนวน 34,102 คน และมากกว่า 1 ล้านคน ติดเชื้อนับตั้งแต่เริ่มการระบาดเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2563