16 กันยายน 2564 ที่ห้องประชุมพระเทพวิมลเมธี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานเรียกประชุมผู้บริหารโรงเรียนเอกชนจังหวัดตรัง ทั้ง 37 โรง ทั้งประเภทสามัญทั่วไป จำนวน 25 โรงเรียน โรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนา จำนวน 4 โรงเรียน โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามควบคู่กับประเภทสามัญ จำนวน 8 โรง รวม 37 โรง เพื่อหาทางไกล่เกลี่ย กรณีที่มีผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนเอกชนบางแห่งออกมาร้องเรียน เพื่อขอคืนเงินค่าเทอมที่ได้จ่ายไปแต่นักเรียนไม่ได้ใช้กลับคืนมาทั้งหมด เพราะมีการเรียนออนไลน์แทน อันเนื่องมาจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด -19
โดยค่าเทอมที่ผู้ปกครองร้องขอคืนดังกล่าวอยู่ในสัดส่วนจำนวน 30 % ในหมวดค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ทางโรงเรียนเอกชนเรียกเก็บไปจากผู้ปกครอง ซึ่งแต่ละโรงเรียนอาจจะเหมือนและแตกต่างกันตามรูปแบบการจัดเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียน เช่น ค่าเรียนว่ายน้ำ ค่าอาหารกลางวัน ค่าเรียนคอมพิวเตอร์ ค่าห้องเรียนปรับอากาศ ค่ากิจกรรมเสริมหลักสูตรอื่นๆ ค่ารถรับส่ง ค่าอาหารเสริมนม เป็นต้น ทั้งนี้ โรงเรียนเอกชนในจังหวัดตรัง มีทั้งหมด 37 โรง ยังไม่คืนค่าธรรมเนียมอื่นๆให้กับผู้ปกครองทั้งหมด 18 โรง ทั้งนี้ ใช้เวลาในการประชุมหารือ เพื่อหาทางออกนานกว่า 3 ชม.
ปรากฏว่าไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยโรงเรียนที่ไม่คืน หรือคืนบางส่วนอ้างว่าทางโรงเรียนต้องหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้วไปจำนวนหนึ่ง จึงคืนให้เต็มจำนวนทั้ง 100% ไม่ได้ พร้อมให้ข้อมูลในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด -19 ในครั้งนี้ ภาพรวมของโรงเรียนเอกชนทุกแห่ง มีเงินในการบริหารจัดการภายในไม่เพียงพอ หลายแห่งไม่มีเงินไม่เพียงพอสำหรับเป็นค่าจ้างเงินเดือนครูด้วย ท้ายที่สุด ในที่ประชุมจึงให้ทาง ร.ร.ไปทบทวนหาข้อสรุป เรื่องคืนเงินใหม่ และให้แจ้งรายรายการว่า แต่ละรายการทำไมคืนเท่านี้ เสร็จแล้วให้ประชุมตกลงกับผู้ปกครองใหม่ ถ้าผู้ปกครองไม่ยอมรับอีก ก็จะเรียกมาไกล่เกลี่ยระหว่างผู้ปกครองกับทางโรงเรียนต่อไป
โดยนายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าฯ กำชับให้ทางโรงเรียนกลับไปคิดทบทวนโดยยึดข้อสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และความพึงพอใจของผู้ปกครองด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงเรียนเอกชนในจังหวัดตรัง มีทั้งหมด 37 โรง แบ่งเป็น โรงเรียนสามัญทั่วไป จำนวน 25 โรงเรียน โรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนา จำนวน 4 โรงเรียน โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามควบคู่กับประเภทสามัญ จำนวน 8 โรง รวม 37 โรง และโรงเรียนที่ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ จำนวน 1 โรง โดยเงินที่ทางโรงเรียนใช้ในการบริหารสถานศึกษาของตนมาจาก 2 ส่วนคือ เงินที่รัฐอุดหนุน หรือเงินค่าธรรมเนียมการเรียน จำนวน 70% เพื่อใช้เป็นฐานเงินเดือนครู และเงินที่ทางโรงเรียนต้องหาเอง จำนวน 30% ซึ่งเรียกว่าเงินค่าธรรมเนียมอื่นๆ หรือเงินค่าเทอม โดยมีระเบียบประกาศชัดเจนว่าในอัตราเท่าไร แต่ละโรงเรียนจะจัดเก็บหรือไม่จัดเก็บก็ได้ และแต่ละโรงเรียนก็เรียกเก็บไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ จากทั้ง 37 โรงเรียน เรียกเก็บทั้งค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นๆจำนวน 17 โรง ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการเรียนเลย เป็นโรงเรียนการกุศล หรือโรงเรียนมูลนิธิจำนวน 12 โรง ทั้งนี้ พบว่าในส่วนของโรงเรียนที่ไม่ลดค่าธรรมเนียมการเรียนเลย มีจำนวน 12 โรง ที่ลดค่าธรรมเนียมการเรียน 15 โรง ส่วนที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการเรียน 10 โรง ซึ่งโดยภาพรวมจำนวนทั้งหมด 37 โรง พบว่ามีโรงเรียนที่ยังไม่คืนค่าธรรมเนียมอื่นๆให้กับผู้ปกครองทั้งหมด 18 โรงเรียน
ภาพ/ข่าว โดย:
คนิตา สีตอง จ.ตรัง