โดย ... ปกรณ์ พึ่งเนตร
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้น มีความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคพลังประชารัฐบางกลุ่ม เปิดปฏิบัติการ “ดีลพรรคเล็ก” เพื่อให้ “โหวตสวน” หมายถึงการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคน ตาม “ยุทธการเขย่าต้นมะม่วง” และเสนอให้พรรคพลังประชารัฐฟรีโหวต เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการ 2 คนที่ถูกยื่นอภิปราย หลุดจากตำแหน่ง หรือถูกปรับออก
แล้วฝ่ายที่เคลื่อนไหวที่เชื่อกันว่าเป็น “กลุ่ม 4 ช.” หรือ “กลุ่ม 4 รัฐมนตรีช่วย” จะเข้าเสียบแทน กลุ่ม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม บุตรชาย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล
ปรากฏว่าเมื่อเย็นวันจันทร์ ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้น มีข่าว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดบ้านป่ารอยต่อฯ เคลียร์ปัญหาจนจบ ยืนยันทุกเสียงโหวตหนุนรัฐบาล
แต่ข่าว “บิ๊กป้อมเคลียร์จบ” กลับไม่จบจริง แถมตลอดการอภิปรายวันแรกวานนี้ ยังมีข่าวว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหว เบนเป้าหมายเตรียมโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็จะเท่ากับ ครม. หลุดจากตำแหน่งทุกคนโดยอัตโนมัติ
งานนี้ว่ากันว่าเป็นเกมล้างไพ่รัฐบาล เปลี่ยนผู้นำใหม่ โดยเป็นแผนจับมือกันของแกนนำพรรคพลังประชารัฐบางส่วน กับพรรคเพื่อไทย และพรรคเล็กทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ ล้มรัฐบาลชุดนี้ แล้วจับมือกันตั้งรัฐบาลใหม่
โดยไม่มี “นายพล 3 ป.” ซึ่งกลุ่มที่เคลื่อนไหวก็จะได้โบนัสเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ และอยู่ในอำนาจต่อไป โดยไม่ต้องเลือกตั้งในเร็ววัน เนื่องจากในช่วงของการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจยุบสภาได้
ตรวจเสียงในสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน มี ส.ส.ที่ลงคะแนนได้ 482 คน ญัตติไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านจะล้มนายกฯได้ ต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร คือ 241 เสียง นี่คือกึ่งหนึ่ง แต่ถ้าเกินกึ่งหนึ่งต้องได้ 242 เสียงขึ้นไป
ขณะที่ฝ่ายค้านมีอยู่ 212 เสียง ต้องการอีก 30 เสียง โดยที่งูเห่าในพรรคฝ่ายค้านต้องไม่มีเลย เพราะถ้ามีงูเห่ายกมือสนับสนุนนายกฯ ฝ่ายที่เคลื่อนไหว ก็ต้องหาเสียงมาเติมมากกว่า 30 เสียง
เมื่อมาไล่ดูเสียงพรรคเล็ก โดยเฉพาะพรรค 1 เสียงกับ 2 เสียง ที่ยังอยู่ฝั่งรัฐบาล รวมกันมี 13 เสียง บวกกับพรรคเล็ก 5 เสียง และ 4 เสียง อีก 2 พรรค คือ พรรคชาติพัฒนา กับพรรคพลังท้องถิ่นไท รวมแล้วจะเป็น 22 เสียง หากพลังประชารัฐฟรีโหวต แล้วมีส.ส.ประชาธิปัตย์แตกแถว ก็มีโอกาสลุ้นที่เสียงไม่ไว้วางใจนายกฯ เกินกว่ากึ่งหนึ่ง
แต่ล่าสุดมีข่าวว่า นายกฯทราบความเคลื่อนไหวนี้แล้ว และกำลังหาทางสกัด โดยคาดว่าหากนายกฯ ดึงเสียงกลับคืนมาได้บางส่วน และรอดพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ จะตัดสินใจยุบสภาทันที แล้วดึงเช็งเป็นรัฐบาลรักษาการยาวนาน โดยอ้างว่าเลือกตั้งไม่ได้เพราะสถานการณ์โควิด
นี่คือเกมที่สู้กันล่าสุด กลายเป็นว่า “ศึกในพลังประชารัฐ” ร้อนแรงกว่าฝ่ายค้านและม็อบนอกสภา