นโยบาย "ทำสงครามกับแก๊งอาชญากรรม" ของ ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ของเอล ซัลวาดอร์ ได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามจากประชาชนในประเทศ หลังจากต้องทนใช้ชีวิตแบบเสี่ยงตายมายาวนาน จากพฤติกรรมรุนแรงของสมาชิกแก๊งอาชญากรรม กลุ่มติดอาวุธและมาเฟียยาเสพติด ส่งผลให้มีคนต้องเสียชีวิตวันละไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่ล่าสุดกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษชนในอเมริกากลาง " Cristosal" ได้ออกรายงานว่า พวกนักโทษที่ถูกส่งเข้าเรือนจำที่เป็นแหล่งรวมอาชญากรตัวเอ้ ได้ไปจบชีวิตที่นั่นแล้ว 153 คน สภาพศพส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า เป็นผลจากความรุนแรงและการถูกทรมาน
รัฐบาลเอล ซัลวาดอร์ได้สถาปนา "อำนาจฉุกเฉินพิเศษ" เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 เพื่อต่อสู้กับแก๊งต่าง ๆ ที่สร้างอิทธิพลกันอยู่ตามถนนซึ่งภาพที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ได้แสดงให้เห็นการส่งตัวสมาชิกแก๊งต่าง ๆ ที่มีรอยสักแสดงสัญลักษณ์ของแก๊งไปอยู่ด้วยกันในเรือนจำ ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น
รายงานของ Cristosal ซึ่งไม่ได้บอกสถานที่ว่าเป็นเรือนจำใด ระบุว่านักโทษที่เสียชีวิตอย่างน้อย 153 คน มีผู้หญิง 4 คน ที่เหลือเป็นผู้ชาย ไม่ได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดในคดีอาญาแต่อย่างใด โดยผู้เสียชีวิต 29 คน ได้รับการยืนยันว่าเกิดจากความรุนแรง ส่วนอีก 46 คน อยู่ในขั้นน่าสงสัย นอกจากนี้ยังพบว่าศพส่วนใหญ่จำนวน 75 ศพ มีข้อบ่งชี้ว่า "ถูกทรมาน" โดนทุบตีหรือถูกรัดคอ ส่วนที่เหลือไม่ทราบสาเหตุหรือเสียชีวิตโดยธรรมชาติ
การเสียชีวิตของนักโทษบางคนยังบ่งบอกด้วยว่า มีการปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์, เวชภัณฑ์และอาหาร ทำให้บางคนอยู่ในสภาพขาดโภชนาการ รายงานระบุว่านี่เป็นนโยบายการลงโทษโดยพัสดีเรือนจำและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยย้ำว่าการกระทำการใด ๆ ต้องได้รับอนุญาตและสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง
อำนาจฉุกเฉินพิเศษผ่านการลงมติรับรองโดยรัฐสภาเอล ซัลวาดอร์ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 หลังแก๊งอาชญากรเหิมเกริมก่อความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อำนาจนี้ได้จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานบางอย่าง เช่น เรื่องที่จะต้องแจ้งสิทธิของบุคคลในขณะที่ถูกจับกุมและเหตุผลที่ถูกจับ ตลอดจนสิทธิในการเข้าถึงทนายความ