
นายฉิน กล่าวขณะพบปะกับนายมัสก์ว่า การพัฒนาความทันสมัยของจีนจะสร้างแนวโน้มการเติบโตและความต้องการของตลาดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้ใช้พลังงานใหม่ ๆ มีโอกาสเติบโตอย่างมาก และจีนจะเดินหน้าเปิดกว้างตลาดในระดับสูง และสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยึดหลักกฎหมายและเป็นไปตามกลไกตลาดสำหรับเทสลาและบริษัทต่างชาติอื่น ๆ
นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบการขับขี่รถกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ด้วยว่า “เราต้องเหยียบเบรกให้ทันเวลา, หลีกเลี่ยงการขับขี่ที่อันตราย และมีความชำนาญในการใช้คันเร่งเพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน”
ขณะที่มัสก์ยังไม่ได้โพสต์ใด ๆ ในทวิตเตอร์ หลังเดินทางถึงจีน ที่แบนทวิตเตอร์ และไม่แสดงความเห็นใด ๆ ในเวบไซต์เวยโป๋ด้วย แต่สื่อรายงานว่า เขาได้พบและรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเจิ้ง ยู่ฉุน ประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรีรายใหญ่ของจีนและซัพพลายเออร์สำคัญของเทสลาในวันอังคารร และคาดว่า เขาจะพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนอีกหลายคน และจะเยี่ยมชมโรงงานของเทสลาในนครเซี่ยงไอ้ระหว่างการเยือนด้วย
การเยือนของมัสก์มีขึ้นในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตอย่างชะลอตัว หลังจากบริษัทต่างชาติกังวลต่อการกวดขันของทางการจีน ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ขณะที่นักวิเคราะห์ มองว่า การฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจจีนในช่วงอีกหลายเดือนข้างหน้า จะส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเพิ่มสูงขึ้น และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ประเมินว่า จีนจะครองสัดส่วนถึง 34.9% ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกทั้งหมด
และข้อมูลจากทางการจีน ระบุว่า บริษัทที่มีการลงทุนในต่างขาติ เปิดบริษัทมากถึง 11,000 แห่งในจีนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น 7.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มเป็น 70,550 ล้านดอลลาร์ หรือ เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว