นางลาการ์ด ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องไม่ซ้ำรอยความผิดเดิมๆ ในการพึ่งพาพลังงานรัสเซียมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหาหลังจากรัสเซียถูกสหรัฐคว่ำบาตร และหลายชาติในยุโรปต้องวิ่งวุ่นหาเงินไปจ่ายรัสเซียในรูปแบบที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ดังนั้น เพื่อให้ระบบการชำระเงินของยุโรปเป็นเอกเทศ จึงต้องพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของตัวเองขึ้นมา หรือ CBDC
ประธานธนาคารกลางยุโรป ยังเตือนให้ระวังระบบการชำระเงินในปัจจุบัน ซึ่งก็น่าจะหมายถึงบัตรเครดิต วีซ่า และมาสเตอร์การ์ดของสหรัฐ ซึ่งใช้กันในวงกว้างคิดเป็น 2 ใน 3 ของบัตรเครดิตที่ใช้ในยุโรป รวมถึงเพย์พาลและระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลอื่นๆ
และยังอ้างถึงกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรร่วมกัน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ หันมาใช้เงินสดกันน้อยลง 59% -72% จากภาวะโรคระบาดโควิด และรัสเซียบุกยูเครน ในขณะที่การชำระเงินแบบดิจิทัลมีเพิ่มขึ้นสามเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน จึงจำเป็นที่จะต้องหนมาพัฒนา CBDC ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารกลางยุโรป ยังคงเป็นเสาหลักด้านนโยบายและอธิปไตยทางการเงินไว้ได้
ธนาคารกลางยุโรปยังต้องการให้สกุลเงินดิจิทัลยูโร จัดหาได้ง่ายในทุกที่ ทุกเวลา ใช้กันอย่างกว้างขวาง และต้องมีต้นทุนที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในการใช้งาน
ธนาคารกลางยุโรป จะตัดสินใจในเดือนตุลาคม เดินหน้าเรื่องนี้ในเชิงเทคนิค ส่วนการตัดสินใจว่าจะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลยูโรหรือไม่นั้น ยังไม่อยู่ในเกณฑ์การพิจารณา