ด้านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ย้ำว่า เขาและรัฐบาลจีนสนับสนุนสันติภาพและการเจรจา และที่ผ่านมา จีนก็อยู่ข้างความถูกต้องมาโดยตลอด เขายังอ้างว่า จีนเป็นกลางในสงครามยูเครน และอยากเป็นผู้สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น
แผนของจีนตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้ว ( กุมภาพันธ์ ) ไม่ได้เรียกร้องชัดเจนให้รัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครน เป็นแผนการ 12 ข้อ เรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพและเคารพอธิปไตยของประเทศ โดยไม่มีข้อเสนอใดใดที่เฉพาะเจาะจง
แต่ยูเครนยืนยัน รัสเซียต้องถอนทหารออกจากดินแดนของตนก่อน การพูดคุยจึงเริ่มขึ้นได้ ซึ่งก็ยังไม่มีสัญญาณว่า รัสเซียจะทำเช่นนั้น
ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ก็มองว่า ข้อเรียกร้องให้หยุดยิง ก่อนที่รัสเซียจะถอนกำลังออกไปนั้น มีแต่จะช่วยให้รัสเซียพิชิตชัยชนะได้ง่ายขึ้น
การเยือนรัสเซียของผู้นำจีนครั้งนี้ ทั้งคู่ยังได้หารือในประเด็นการค้า พลังงาน และความร่วมมือทางการเมืองที่มีเพิ่มขึ้น สื่อรัสเซียรายงานว่า ผู้นำทั้งสองได้ลงนามเอกสารร่วม 2 ฉบับ เป็นรายละเอียดแผนการความร่วมมือเศรษฐกิจ และแผนสร้างเสริมความเป็นหุ้นส่วนจีนรัสเซียให้มากขึ้น
ทั้งยังบรรลุข้อตกลงเรื่องท่อในไซบีเรีย ที่จะส่งก๊าซของรัสเซียไปจีน ผ่านเส้นทางมองโกเลีย และเห็นพ้องว่า สงครามนิวเคลียร์จะต้องถูกควบคุมเอาไว้
ผู้นำจีนและรัสเซียยังวิตกเรื่องข้อตกลงทางทหารระหว่างออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐ และวิตกประเด็นองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ ขยายอิทธิพลมากขึ้นในเอเชีย ทั้งทางทหารและความมั่นคง แต่ในทางกลับกัน ทางฝั่งตะวันตกก็จับตามากขึ้นเรื่อยๆ ว่า จีนอาจจัดหาการสนับสนุนทางทหารให้รัสเซีย
ประธาธิบดี ปูติน ยังถือโอกาสนี้ กล่าวหาชาติตะวันตกที่ประจำการอาวุธพร้อมชิ้นส่วนนิวเคลียร์ โดยระบุว่า รัสเซียจะถูกบีบให้ตอบโต้ถ้าอังกฤษส่งลูกระเบิดทำจากยูเรเนียมด้อยสมรรถนะให้แก่ยูเครน แต่กระทรวงกลาโหมอังกฤษบอกว่า ยูเรเนียมด้อยสมรรถนะจะมีค่ากัมมันตภาพรังสีต่ำกว่ายูเรเนียมในธรรมชาติ ใช้เป็นอาวุธนิวเคลียร์ไม่ได้