svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

ปัจจัยแวดล้อม รุกรุมหนัก กัดเซาะภายใน คลื่นลูกใหม่ถาโถมจะฝ่าหรือล้มครืน

28 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คล้ายว่าอาทิตย์อัศดงอยู่ในมุมที่"นายกฯลุงตู่"ยืนอยู่และยากที่จะเปลี่ยนองศาในการลุกขึ้นสู้เพราะบริบทการเมืองตอนนี้มันยากยิ่งที่จะลุยต่อ เจาะประเด็น โดย เมฆาในวายุ

 

หนึ่งปีสุดท้ายของครม.เรือเหล็กที่นำโดย "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" นับว่า "เหนื่อยไม่น้อย"  เพราะ "หนึ่งปีแรก" ก็ต้องลุ้นกับคะแนนปริ่มน้ำของส.ส.ในสภาเกียกกายและการร่วมงานกับรัฐบาลผสม  19 พรรค (ในตอนนั้น)แบบตามใจท่านจนเกิดวรรคทอง "ส.ส.กินกล้วย ส.ส.งูเห่าเวอร์ชั่นปัจจุบัน" เพื่อหนุนเรือเหล็กมิให้ล่มปากอ่าว

 

สองปีถัดมาเจอปัญหาโควิด-19 ซึ่งหลายเรื่องที่เกิดขึ้น บางส่วนเป็นความผิดจากการวางมาตรการของ"ลุงตู่"และทีมงานที่ทำให้การระบาดขยายวง และบวกกับการกู้เงินมาแก้ไขปัญหานี้และเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนี้เองที่เป็นแผลใหญ่ของ"ลุงตู่"จนหลายคนนำไปขยายผลได้ไม่รู้จบและน่าจะยืนระยะไปจนถึงการหย่อนบัตรเลือกตั้งครั้งหน้า

 

อย่าลืมว่าที่ผ่านมา ไม่นานมานี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2566 วงเงิน 3,185,000 ล้านบาท ต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุล 695,000 ล้านบาท (เต็มเพดานที่กฎหมายกำหนด) และหากเทียบกับงบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3,100,000 ล้านบาท ต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุล 700,000 ล้านบาท (เต็มเพดานที่กฎหมายกำหนด) แปลว่า  การกู้เพื่อการขาดดุลในปีงบประมาณรายจ่ายปี 2566 ขาดดุลลดลงเพียง 5,000 ล้านบาท ความหวังที่จะทำงบประมาณแบบสมดุลได้นั้น"แทบมองไม่เห็น"

 

รัฐบาลลุงตู่(สองสมัย)เข้ามาบริหารเศรษฐกิจของประเทศปลายปี 2557 และเริ่มทำงบประมาณการบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2558 จนล่าสุดเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณปี 2566  รวม 9 ปีงบประมาณซึ่ง"ลุงตู่"เคาะ และเป็นงบประมาณที่ต้องกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลทุกปี รวมหนี้ที่กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลกว่า 5 ล้านล้านบาท หากนับรวมการออก พ.ร.ก. กู้เงินเพื่อเยียวยาฟื้นฟูที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 จำนวน 1 ล้านล้านบาท และในปี 2564 อีกจำนวน 5 แสนล้านบาท  เมื่อรวมเงินกู้ก้อนใหญ่สองก้อนนี้ก็บ่งชี้ว่ารัฐบาล "บิ๊กตู่" ก่อหนี้ให้ประเทศ และตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงซึ่งรัฐบาล"ลุงตู่"จะต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินอีกครั้งเพื่อสู้กับสงครามยูเครน-รัสเซียและโควิด-19 จนกระทบเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้น และไม่รู้ตัวเลขวงเงินที่อาจจะกู้เพิ่ม

 

แค่นี้ก็อ่วมแล้วหาก"ลุงตู่"จะต้องเดินไปพบมวลชนแล้วบอกความจำเป็นที่ลุงตู่จะต้องกู้สิบทิศอีกคราว....

 

หากมองบริบทการเมือง หนึ่งปีจากนี้ต้องจับตาว่า"ลุงตู่"จะไปถึงฝั่งฝัน(การจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปี)หรือไม่ เพราะจังหวะการเมืองจากนี้คือ ปลายเดือนเม.ย.จะรู้ว่าเลือกตั้งส.ส.งวดหน้ากติกาที่เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งสองใบ/หมายเลขผู้สมัครส.ส.และพรรคจะใช้เบอร์เดียวทั่วไทยหรือไม่/การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อจะใช้ตัวเลขเท่าใด และจะมีการพลิกโผในงวดสุดท้ายตามกระแสข่าวหรือไม่  และตอนนี้การหาแต้มเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และนายกเมืองพัทยาที่จะเกิดขึ้นวันที่ 22 พ.ค. บรรเลงกันแล้ว คะแนนที่ออกมาจะชี้วัดดัชนีการเมืองได้ระดับหนึ่งสำหรับสนามใหญ่ 

 

จากนั้นวันที่ 23พ.ค. คือวันเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนฯต้องดูว่าวันใดคือวันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

 

ต่อมาสภาผู้แทนฯต้องลงมติวาระแรกเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3,185,000 ล้านบาท  ต้องลุ้นว่าเสียงของส.ส.จะออกมาในมุมใด

 

ถัดมาช่วงเดือนส.ค.รอดูว่าการดำรงตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารไม่เกินสองวาระ(แปดปี)ซึ่งฝ่ายค้านจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดสถานะ"ลุงตู่"นั้นจะออกมาแบบใด
หากนับถึงปัจจุบันจนถึงวันข้างหน้า

 

แม้เสียงหนุนเรือเหล็กจะยังแน่น(พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่อยากตีจากเพราะอยู่ในห้วงสุดท้ายของรัฐบาลที่ต้องเข็นผลงานออกมาให้มากสุด) แต่หากมองไปลึกๆแล้วนั้น พบว่าตอนนี้ "พรรคพลังประชารัฐ"ใช่ว่าจะมีผลงานพรรคที่ส.ส.พอจะอ้าปากบอกประชาชนได้เลย  (มีเพียงแต่ส.ส.ผลักดันผลงานในพื้นที่ตัวเอง และหลายคนไม่แสดงโลโก้พรรคบนป้ายแนะนำตัวในหลายเขต)  และไม่รู้ว่าวันนั้น"ลุงตู่"จะใช้ พปชร.เป็นบันไดในการอาสาทำงานให้ประชาชนต่อหรือไม่ เนื่องจากความจริงแล้วคะแนนนิยมของพปชร.ใช่ว่าจะงดงามเหมือนหลายปีก่อน แถมวันนี้ยังมาเจอคนกันเองแตกเซลล์มาแชร์แต้มที่ลุงตู่และพปชร.ถือไว้อีก 

 

และบางจังหวะนั้นน่าคิดต่อเพราะ"พรรคเศรษฐกิจไทย"ที่แยกไปจากพรรคพลังประชารัฐ แม้ลุงป้อมบอกว่าประสาน"ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า" ไว้ได้ โดยพรรคนี้เป็นหนึ่งในพันธมิตรรัฐบาล แต่ผู้กองคนดังเคยระบุให้สังคมคิดได้ว่า พรรคนี้พร้อมแหกมติลุงป้อมได้ทุกเมื่อ  

 

ตอนนี้รอดูว่าการชักชวนส.ส.และคนการเมืองหลากขั้วจากการดีลของผู้กองคนดังจะสำเร็จแค่ไหน   และสังเกตว่า"พรรครวมไทยสร้างชาติ"ซึ่งเป็นพรรคสำรองที่หนุน"ลุงตู่"และริเริ่มโดยแรมโบ้อีสาน "เสกสกล อัตถาวงศ์"เพื่อรวมพลจากพื้นที่ต่างๆ เช่นพรรครวมพลังประชาชาติไทย/กปปส.บางปีกที่ไขก๊อกจากพรรคประชาธิปัตย์/คนเสื้อแดงบางส่วนนั้น ก็ต้องดูว่าแม่เหล็กการเมืองของพรรคนี้จะมีแรงแค่ไหน.......

 

เหนื่อยไม่น้อยสำหรับกระดานการเมืองของลุงตู่สำหรับเกมภายใน

 

หันมองเกมจากคู่แข่ง  เรื่องร้อนๆคือการเปิดหน้าชกของพรรคเพื่อไทยซึ่งนำชินวัตรรุ่นที่สี่"แพทองธาร ชินวัตร"มาสู้และปลุกขวัญแฟนคลับเต็มร้อย(ประเมินแล้วพรรคเพื่อไทยต้องเจอคู่แข่งหลัก เช่น พลังประชารัฐ/ภูมิใจไทย/เศรษฐกิจไทย/ประชาธิปัตย์(ในกทม.) รวมทั้งชิงแต้มจากไทยสร้างไทยและก้าวไกล ส่วนพรรคอื่นๆนั้นไม่ใช่คู่แข่งสำคัญ

 

ตรงนี้ก็หนักยิ่งเมื่อคนแดนไกลเปิดหน้าชกกับ"ลุงตู่"อีกครั้ง เพราะสารพัดปัญหาที่"ลุงตู่"รับอยู่นั้น คล้ายว่าเพื่อไทยและแนวร่วมพร้อมซ้ำแผลให้ระบมเพื่อให้หมดราคาจากสายตาสังคม แม้"ลุงตู่"จะอ้างหลากปัญหามูลเหตุสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรบวกกับเหตุปัจจุบัน แต่สภาวะวันนี้"ลุงตู่"ถือว่าเป็นผู้อยู่หน้างานทุกปัญหา ฉะนั้นจะโยนบาปไปให้เหตุเมื่อวันวานเพียงฝ่ายเดียวมันก็กระไรอยู่...)

 

เกมจากนี้คล้ายว่าอาทิตย์อัศดงอยู่ในมุมที่"ลุงตู่"ยืนอยู่และยากที่จะเปลี่ยนองศาในการลุกขึ้นสู้เพราะบริบทการเมืองตอนนี้มันยากยิ่งที่จะลุยต่อ....

 

ฉะนั้นหลากวาระข้างต้นต้องจับตารายสถานการณ์ที่จะเป็นหนึ่งในเหตุบ่งชี้ว่า"ลุงตู่"ควรไปต่อหรือหยุดป้ายนี้...บนสนามการเมืองในยามหน้า
 

logoline