ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ รอบรองชนะเลิศเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) ทัพ "ตราไก่" ทีมชาติฝรั่งเศส ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หลังเอาชนะ ทีมชาติโมร็อกโก 2-0
ล่าสุดมีรายงานว่าเกิดการปะทะกันของแฟนบองทั้งสองทีมในหลายเมืองทั่วประเทศฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นปารีส, มงเปลลิเยร์ และ นีซ ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เตรียมพร้อมประจำการนับหมื่นนายต้องออกมาระงับเหตุ
โดยที่กรุงปารีส มีเด็กชายวัย 14 ปีรายหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกรถชนระหว่างการฉลองชัยชนะของฝรั่งเศส ส่วนที่ มงต์เปลลิเยร์ และนีซ ทางตอนใต้ของประเทศ แฟนบอลทั้งสองทีมเปิดฉากปะทะกันกลางถนน ยิงพลุไฟใส่กัน รวมถึงการก่อความวุ่นวายด้วยการจุดไฟเผาถังขยะตามท้องถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าระงับเหตุด้วยการใช้ไม้กระบองไล่และปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายฝูงชน
สำหรับการเจอกันของโมร็อกโกและฝรั่งเศส นอกจากจะสู้กันในสนามแล้ว ยังเป็นเหมือนสงครามตัวแทนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ที่มีความไม่พอใจกันมานานนับตั้งแต่สมัยที่โมร็อกโกยังเป็นดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส ก่อนได้รับเอกราชเมื่อปี 1956