svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วันนอร์" ขอดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดปมพูดถึงสถาบันฯ-ม.112

01 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"วันนอร์" ขอดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียด ก่อนแจ้งรัฐสภาจะพูดเรื่องสถาบันฯ-ม.112 ได้อีกหรือไม่ ยืนยันทำตามหลักกฏหมายและข้อบังคับการประชุม

1 กุมภาพันธ์ 2567 จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วานนี้ (31ม.ค.) ให้นโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง

โดย "นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 ที่ไม่สามารถใช้กระบวนการสภาได้ และก่อนหน้านี้ก็มีการยื่นกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ซึ่งก็อาจจะเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ด้วย ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอดูคำวินิจฉัยทั้งหมดของศาลฯ เพื่อนำมาประกอบและให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมถึงฝ่ายกฎหมาย ของประธานสภาได้ดูรายละเอียดและเสนอกลับมาอีกครั้ง 

ส่วนจะมีการยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับ สส.พรรคก้าวไกล ที่ได้เคยเสนอร่างกฎหมายเมื่อปี 2564 จะส่งผลอย่างไรหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องนอกสภา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของผู้ที่ร้องและผู้ถูกร้องต่อองค์กรอิสระทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องนอกสภา ตนไม่อาจอาจจะก้าวล่วงได้ 


 

ส่วนจากนี้จะมีการคุมการประชุมสภาอย่างเข้มงวดต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีการสั่งห้ามอย่างไร ประธานรัฐสภา กล่าวว่า คงดูไปตามกฎหมาย และทางสภาก็มีฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายกฎหมายคอยกลั่นกรองของสภาอยู่แล้ว ก็ดูไปตามขั้นตอน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป ไม่มีอะไรเข้มงวดหรือไม่เข้มงวด เป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับของสภา 

เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้การประชุมสภาก็ไม่ควรจะไปพูดพาดพิงเกี่ยวกับสถาบันใช่หรือไม่ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า โดยปกติแล้วมีข้อบังคับที่กำหนดไว้ไม่ให้พูดถึงเรื่องสถาบัน และห้ามพูดถึงบุคคลภายนอก หากพูดออกไป ผู้พูดก็ต้องรับผิดชอบ ทางสภาจะถือข้อบังคับและกฎหมาย 

เมื่อถามย้ำว่า ต่อจากนี้เรื่องมาตรา 112 จะไม่สามารถนำมาพูดถึงในสภาได้อีกแล้วใช่หรือไม่ ประธานรัฐสภา ตอบว่า ตรงนี้ตนไม่สามารถจะวิจารณ์ได้ ต้องขอดูรายละเอียดของคำวินิจฉัยทั้งหมด และฝ่ายกฎหมายจะเสนอให้ประธานและรองประธานสภารับทราบต่อไป 

ขณะที่ "นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังยื่นเรื่องยุบพรรคก้าวไกลกับ กกต. ว่า คำร้องที่ยื่นต่อศาลเมื่อวานนี้ ไม่ใช่คำร้องยุบพรรคตามกฎหมายพรรคการเมือง เป็นเพียงคำร้องให้ยุติการกระทำ จึงต้องมายื่นวันนี้ซ้ำอีกครั้ง โดยอำนาจยุบพรรคทุกอย่างจะไปจบที่ศาล หน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่นำส่ง ส่วนตนมีหน้าที่เป็นคนร้อง และผู้ถูกร้องมีหน้าที่แก้ข้อกล่าวหา 

ส่วนกรณีที่เกิดกับ "นายศรีสุวรรณ จรรยา" ผู้นำองค์กร รักชาติรักแผ่นดิน มีความกังวลหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า "ศรีสุวรรณ กับ เรืองไกร" เป็นคนละชื่อ เราทำมานานแล้ว อยู่บนหลักกฎหมาย ข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่ฟ้องมาหลายคดีก็ชนะทุกคดี เพราะศาลรับฟัง เราไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ไม่เอาข้อความเป็นเท็จไปแจ้งเจ้าพนักงาน 

สำหรับแฟนคลับพรรคก้าวไกลที่ไม่พอใจ เพราะว่าไม่ถูกใจ แต่เชื่อว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบจริงๆ จะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ถ้าหากเคารพกติกา โดยได้ยกตัวอย่างกรณีของ "นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ที่ให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี กรณีถือหุ้นบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรค และ สส. ว่าเป็นการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตัดสิน

 

"วันนี้ประชาชนมีตัวเลือกใหม่ มีความหวังกับอนาคตใหม่ มีความหวังกับก้าวไกล ได้ สส.มา 151 คน เป็นเรื่องที่ดี แต่การได้มาจากประชาชน ไม่ได้หมายความว่า คุณมีสิทธิเสรีภาพทุกเรื่อง และในสมัยหน้า สว.ก็ไม่มีสิทธิในการเลือกนายกรัฐมนตรี" นายเรืองไกร ระบุ  

 

ส่วนถ้าก้าวไกลถูกยุบพรรค นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็ตั้งพรรคใหม่ ทั้งนี้เชื่อว่าไม่เป็นการสร้างความขัดแย้งทางการเมือง พรรคก้าวไกลก็ต้องหาคะแนนเสียงใหม่ และนำเรื่องนี้เป็นบทเรียน อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า เกิน 90% พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคแน่นอน โดยวันนี้ได้แนบรายชื่อ 44 สส. พรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อในการแก้ไข มาตรา 112 ไปให้ กกต. ด้วย
 

logoline