ศาล รธน. เตือนวิจารณ์-เสียดสี คำวินิจฉัย คดี ม.112 "พิธา-ก้าวไกล" ระวังมีโทษ

31 มกราคม 2567 นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเสียงเอกฉันท์ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ รวมไปถึงพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำ การแสดงความคิดเห็น และการสื่อความหมายอื่น ๆ อันเป็นการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และห้ามมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้ แต่ขอให้ตระหนักว่า การวิจารณ์คำวินิจฉัยโดยไม่สุจริต และใช้ถ้อยหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาตร้าย จะมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ มีโทษตั้งแต่การตักเตือน, ปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมถึงโทษจำคุก

ด้าน ​​​​​นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เปิดเผยภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ ให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้เลิกการกระทำดังกล่าวหลังจากนี้ว่า ในวันนี้ (31 ม.ค.) จะขอกลับไปทบทวนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่นี่ออกมาก่อน ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการใด ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ยังมีคำร้องอีกฉบับ ที่ได้ยื่นไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เกี่ยวกับนโยบายในคดีดังกล่าว ซึ่ง กกต. เคยมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า นโยบายดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในวันนี้ จึงทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไป ดังนั้น จะไปพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา ก่อนจะตัดสินใจดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) น่าจะมีแนวทางที่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าวเสร็จสิ้น นายธีรยุทธ ได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รออยู่ที่บริเวณศาล และมอบหมายให้บุคคลอื่นมาแลกบัตรประจำตัวแทน

"เรืองไกร" ยื่น กกต. ยุบก้าวไกลอีกรอบพรุ่งนี้

ขณะที่ "นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.พ. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไป กกต. เพื่อขอยื่นยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยไปยื่นมาแล้ว 2 รอบ เมื่อวันที่ 3  เม.ย. และวันที่ 30 มิ.ย. 66 กรณีพรรคก้าวไกล แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อย่างไรก็ตาม แต่ขณะนั้น กกต. ระบุว่า ยังไม่เข้าเงื่อนไข ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ล่าสุดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจนว่า การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จึงถือว่าเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 92 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ระบุถึงการกระทำล้มล้างการปกครองฯ ที่เข้าเงื่อนไขการยุบพรรค

"ดังนั้น กกต.จะต้องรับเรื่องไปพิจารณายุบพรรคก้าวไกล จะต้องรีบดำเนินการโดยเร่งด่วน เพราะมีคำวินิจฉัยของ กกต.เป็นหลักฐานชัดเจนแล้ว ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีใครสั่งให้มาขยายผลยุบพรรคก้าวไกลต่อ ถ้าหากยังประวิงเวลาอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้" นายเรืองไกร กล่าว