ย้อนไทม์ไลน์โหวตนายกฯ คนที่ 30
ภายหลังจากมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จากนั้น และประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการครบ 500 คน ของ กกต. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2566 ใช้เวลากว่า 2 เดือนจึงจะมีการนัดประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกฯรัฐมนตรี
โดยการจัดประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกฯครั้งแรก คือวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ซึ่งบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น และเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ปรากฎว่าได้รับความเห็นชอบไม่ถึง 376 เสียง
สภาถกวุ่น โหวตนายกฯครั้งที่ 2 ห้ามเสนอชื่อซ้ำ
ต่อมาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 เกิดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 แต่ปรากฎว่าในที่ประชุมรัฐสภา กลับมีการถกเถียงกันถึงข้อบังคับการประชุมว่าจะสามารถเสนอรายชื่อ นายพิธาซ้ำได้หรือไม่ เนื่องจากมีความเห็นว่าญัตติที่เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีตกไปแล้ว ไม่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ แม้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะเปิดลงมติตามข้อตามข้อบังคับที่ 151 ปรากฎว่าเสียงกึ่งหนึ่งเห็นว่าไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้
ขาดสะบั้น MOU ก้าวไกล-เพื่อไทย
จากนั้นช่วงเช้าของวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน ได้แถลงส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น นพ.ชลน่าน ในนามของพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลเพื่อไทย 314 เสียงกับ 11 พรรคการเมืองที่เคยเป็นพรรครัฐบาลเดิม ในสมัยของพล.อ.ประยุทธ์
"เศรษฐา" ผ่านฉลุย 482 เสียงเห็นชอบนั่งนายกฯ
เป็นเหตุให้วันที่ 22 สิงหาคม นายวันมูหะมัดนอร์ ได้นัดประชุมรัฐสภาอีกครั้งเพื่อพิจารณาบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 3 โดยมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี สุดท้ายก็ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาด้วยเสียง 482 เสียง ต่อไม่เห็นชอบ 165 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียง ทำให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
ไทม์ไลน์ตั้ง"รัฐบาลเศรษฐา"
หากนับจากวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 มาวันประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี 22 ส.ค.2566 ถึงวันประกาศแต่งตั้งครม.เศรษฐา 1 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 รวมแล้วรัฐบาลเศรษฐาใช้เวลารวม 110 วัน ซึ่งถือใช้เวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
5 ประเทศใช้เวลาในการ "จัดตั้งรัฐบาล" นานที่สุดในโลก!
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่ใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาลยาวนานนับร้อยวัน แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้เวลายาวนาน "เนชั่นออนไลน์" จะพาไปดูว่า 5 ประเทศที่ใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาลนานที่สุดในโลกมีประเทศใดบ้าง เริ่มจาก
1. เบลเยียม
เบลเยียมใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาลนานถึง 541 วัน ในการเลือกตั้งในปี 2010 สาเหตุที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะปัญหาความแตกต่างทางนโยบาย จากฝ่ายการเมืองอย่าง ‘พรรคการเมืองฝ่ายเฟลมมิช’ และ ‘ฝ่ายฟรองโคโฟน’ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปประเทศ ไม่มีรัฐบาลกลางเกือบ 2 ปี จนถูกบันทึกลงสถิติโลก กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ เลยทีเดียว
2. สเปน
สเปนใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาล 315 วัน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2015 การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่อาจทำให้สเปนพ้นจากทางตันได้ เพราะถึงแม้พรรคสายอนุรักษ์นิยมจะชนะ แต่ไม่สามารถคุมเสียงข้างมากในสภาที่จำนวน 176 ที่นั่งเอาไว้ได้ จากทั้งหมด 350 ที่นั่ง อีกทั้งพรรคการเมืองอื่น ๆ ก็ยังมีท่าทีต่อต้านการเมืองรูปแบบเดิม ๆ โดยพรรคประชาชนสเปนพยายามเจรจากับกลุ่มพรรคการเมืองอื่นหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลว กว่าจะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก็กินเวลาเกือบ 1 ปี
3. เนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ใช้เวลา 225 วัน หลังการเลือกตั้งในปี 2017 โดยสาเหตุมาจากข้อนโยบายที่ไม่ลงตัว เนื่องจากรัฐบาล 4 พรรคผสมของเนเธอร์แลนด์ ที่มีทั้งสายเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยม โดยมีนโยบายสนับสนุนความหลากหลายทางเพศที่ต่างกัน จนต้องใช้เวลาเจรจากัน 225 วัน แถมยังมีเสียงข้างมากเกินรัฐสภาแค่ 1 เสียงเท่านั้น ขณะที่มีพรรคการเมืองอยู่ในสภาถึง 13 พรรค
4. เยอรมนี
เยอรมันใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาล 136 วัน และเกือบจะต้องเลือกตั้งใหม่ เพราะจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เมื่อนางแองเกลา เมเคิล ผู้นำพรรค CDU ชนะการเลือกตั้งในปี 2017 ด้วยคะแนน 33% ซึ่งถือว่าต่ำมาก จึงต้องจัดตั้งรัฐบาล รวมกับพรรค SDP ซึ่งได้ที่นั่งอันดับ 2 แต่การเจรจาล้มเหลวหลายครั้ง เพราะมีนโยบายไม่ตรงกันหลายเรื่อง ทำให้ต้องใช้เวลาเจรจานานถึง 136 วัน สุดท้ายต้องยอมยก กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน ให้พรรค SDP ถือว่าเป็นการเจรจาที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์เยอรมนี
5. สวีเดน
สวีเดนใช้เวลา 134 วัน ในการเลือกตั้งปี 2018 เนื่องจากคะแนนเสียงไม่เพียงพอที่จะทิ้งห่างพรรคอันดับ 2 โดยพรรค Social Democrats ได้คะแนนเสียงต่ำที่สุดในรอบศตวรรษของพรรค จึงต้องรวมคะแนนเสียงกับกลุ่มพรรคฝั่งซ้ายอื่น ๆ จนอยู่ที่ 40.6% ขณะที่อันดับ 2 รวมคะแนนเสียงได้อยู่ที่ 40.3% ซึ่งนั่นก็ยังไม่พอให้ Social Democrats จัดตั้งรัฐบาลได้ ทางรัฐสภาจึงมีมติหลังการเจรจากว่า 134 วัน ให้ผู้นำพรรค Social Democrats เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อตัดปัญหาการเลือกตั้งที่หาข้อสรุปไม่ได้ไป