svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ชาวเมียนมาทิ้งถิ่นฐานกว่า 3 ล้านคน นับจากรัฐประหาร

08 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ยูเอ็นเผยว่า จำนวนประชาชนในเมียนมาที่ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนหนีการสู้รบและความขัดแย้ง เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 ล้านคน ในช่วง 3 ปี นับจากการรัฐประหาร โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

สำนักงานผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติประจำเมียนมา เผยแพร่แถลงการณ์ในวันจันทร์ที่ระบุว่า ในสัปดาห์นี้เมียนมาเปิดบันทึกหน้าใหม่ที่น่าสิ้นหวังว่า พลเรือนมากกว่า 3 ล้านคน กลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศท่ามกลางการสู้รบที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น

ขณะนี้เมียนมากำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงอย่างมาก นับจากกองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเกิดการสู้รบตามมาในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนต้องอพยพเพื่อความปลอดภัย

ยูเอ็นระบุว่า ในจำนวนประชาชนที่พลัดถิ่นกว่า 3 ล้านคน กว่า 90% หนีภัยการสู้รบที่เป็นผลตามมาหลังการรัฐประหาร ซึ่งเกือบครึ่งอยู่ในรัฐชิน, ภูมิภาคมะเกว และภูมิภาคซะไกง์ และอีกกว่า  900,000 คน อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอีกเกือบ 356,000 คน อยู่ในรัฐยะไข่

นอกจากนี้ผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่มีการสู้รบอย่างหนักระหว่างกองทัพ และกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลทหาร โดยเมื่อช่วงหลายสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพสู้รบกับกองกำลังกะเหรี่ยงอย่างหนักเพื่อควบคุมจังหวัดเมียวดี ทำให้ประชาชนจำนวนมากอพยพข้ามพรมแดนไปยังฝั่งไทย 

ชาวเมียนมาทิ้งถิ่นฐานกว่า 3 ล้านคน นับจากรัฐประหาร

ยูเอ็นระบุด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนราว 18.6 ล้านคนในเมียนมา กำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ยูเอ็นได้รับเงินสนับสนุนไม่ถึง 5% ของความต้องการสำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม พร้อมทั้งเตือนว่าฤดูพายุไซโคลนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว จึงจำเป็นต้องได้รับทรัพยากรเพิ่มเติม เพื่อปกป้องกลุ่มเปราะบางที่สุดและรักษาชีวิตประชาชน

logoline