svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา"เผยข่าวดีช่วยตัวประกันไทยในอิสราเอลวอนแรงงานอย่ารีบกลับไป

22 พฤศจิกายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เศรษฐา ทวีสิน"ยอมรับเศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแรง ส่งผลให้แรงงานยอมเสี่ยงชีวิตกลับเข้าอิสราเอลเพื่อไปทำงาน แย้มเร็วๆนี้ มีข่าวดีเรื่องช่วยตัวประกัน

22 พฤศจิกายน 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสะท้อนถึงปัญหาปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างถิ่นฐานบ้านเกิด อย่างในอิสราเอล ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาการสู้รบกันระหว่างกลุ่มฮามาส จนมีคนไทยต้องเสียชีวิต รวมถึงถูกจับเป็นตัวประกันหลายคน 

ขณะเดียวกัน ในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2566 วานนี้ (21พ.ย.) ที่มี "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน 

โดยภายหลังการประชุม "น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์" เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่ายังพบแรงงานไทยเดินทางกลับเข้าไปทำงานในอิสราเอล ท่ามกลางการสู้รบอยู่ จึงอยากวิงวอนให้คำนึงถึงสวัสดิภาพ รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งงาน และต้องประเมินสถานการณ์ เนื่องจากยังมีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม  


 

ขณะที่ วันนี้ (22พ.ย.) "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลอิสราเอลอนุมัติแลกตัวประกันและหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส โดยฝ่ายความมั่นคง ได้รายงานว่ามีการหยุดยิงประมาณ 4 วัน ก็เป็นช่องว่างที่สามารถลำเลียงตัวประกันออกมาได้ ที่เบื้องต้นเป็นเด็กและสตรี ซึ่งไทยได้ต่อรองผ่านทางกาตาร์ และมีหลายประเทศช่วยอยู่ มั่นใจว่าน่าจะมีข่าวดี ซึ่งเป็นเรื่องของการเตรียมพร้อม

ทั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นความโชคร้ายของประเทศไทย ที่เศรษฐกิจยังไม่แข็งแรง ทำให้ประชาชนต้องเสี่ยงชีวิตออกไปทำมาหากิน นำเงินจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อดูแลครอบครัวที่ประเทศไทย แม้จะมีความเสี่ยงมาก แต่ไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้ประชาชนกลับเข้าไปที่อิสราเอล เพราะมีความตึงเครียดในพื้นที่อยู่ และการหยุดยิงก็เป็นเพียงการหยุดยิงชั่วคราวตามคำเรียกร้องของต่างประเทศ ที่อยากให้ตัวประกันถูกปล่อยออกมา รัฐบาลไม่สนับสนุนให้กลับไป แต่หากตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไป ก็ขอให้ดูแลตัวเองให้ดีด้วยความเป็นห่วงจากรัฐบาล 

ส่วนมาตรการเยียวยาสำหรับคนไทยที่กลับมาแล้วและกลับออกไปอีกหรือไม่นั้น ยังต้องพิจารณาว่าจะเยียวยาอีกหรือไม่

สำหรับการมอบนโยบายให้เอกอัครราชทูตกงสุลใหญ่ทั่วโลก เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ แต่พูดถึงนโยบายโดยรวม และได้พูดถึงความตึงเครียดระหว่างประเทศ ดังนั้น การทำงานเชิงรุกจึงเป็นเรื่องสำคัญ และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ รวมถึงการใช้ทรัพยากรของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อย่างไรก็ตาม การประสานงานระหว่างภาครัฐกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทูตพาณิชย์ เจ้าหน้าที่เกษตร โดยเฉพาะบางประเทศที่ลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่เน้นให้เข้ามาลงทุนในไทย แต่ปัจจุบันมีหลายภาคส่วนที่แข็งแกร่ง และพร้อมลงทุนในหลายประเทศ ซึ่งสามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศได้ จึงขอให้เปลี่ยนวิธีการคิด แต่ก็ต้องคงไว้ซึ่งการรักษาเกียรติภูมิ ดูแลพระบรมวงศานุวงศ์สูงสุด ในการเดินทางไปต่างประเทศ และนำแรงใจไปขับเคลื่อนการทูตและเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก 

 

logoline