svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กระตุกเงินดิจิทัล! รุมสับนโยบายแจกเงินหมื่น ท่ามกลางเสียงสะท้อนหลากหลาย

13 พฤศจิกายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลายฝ่ายเริ่มออกเสียงคัดค้านต่อโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อีกละรอก คาดการณ์ไว้ว่าอาจไม่เกิดขึ้นจริง และอาจไม่ผ่านสภา ซึ่งเท่ากับปิดฝันของประชาชนที่กำลังรอรับเงินหมื่น 

ขณะที่ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ยืนยันจะเดินหน้าแจกเงินให้ถึงที่สุด พร้อมมั่นใจว่า 320 เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล จะสนับสนุน พ.ร.บ.กู้เงิน ให้ผ่านสภาในที่สุด เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย 1.8-1.9% รั้งท้ายประเทศในกลุ่มอาเซียน 

ล่าสุด 13 พ.ย.66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาโจมตีถึงนโยบายดังกล่าวว่า เป้าหมายการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาแจกเป็นเงินดิจิทัลนั้น มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจของนายกเศรษฐา ว่าจะอยู่หรือถูกเด้งให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ได้ช้าหรือเร็วขึ้น โดยมีปัจจัยบ่งชี้สำคัญ คือ นายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษทั่วไป คาดจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้
กระตุกเงินดิจิทัล! รุมสับนโยบายแจกเงินหมื่น ท่ามกลางเสียงสะท้อนหลากหลาย
เชื่อเด้ง "นายกฯนิด" พ้นตำแหน่งนายกฯเร็วขึ้น หากทักษิณ พ้นโทษเดือนธันวาคมนี้

โดยเจตนาดิจิทัลชัดเจน กู้มาเป็นเงินบาท แล้วให้ประชาชนเป็นดิจิทัลมีค่าเท่ากับเงินบาท การอธิบายมุมใดก็ฟังไม่ขึ้นสักกรณีเดียว เพราะไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสักอย่างที่จะนำมาอ้างการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ตาม ม.53 ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง แต่เป็นเพียงเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งล้วน ๆ อีกทั้งการพูดเทหมดหน้าตักนั้นเมื่อแจกเงินดิจิทัลเป็นเรื่องหลักในการชูขอคะแนนเสียง ถ้าเป็นไปไม่ได้จึงต้องการความเห็นใจจากประชาชนเป็นอย่างน้อย ทั้งที่ความจริงแล้วโกหกทั้งแท่ง

"ถ้าทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษทั่วไปแล้วกลับบ้านได้ คณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นด่านแรกที่ขัดขวาง ไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ.กู้เงิน มาแจกประชาชน และเสี่ยงเผชิญชะตากรรมใน ครม. และปัญหามีว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะยอมมีมติสิ้นอนาคตการเมืองไปพร้อมด้วยหรือไม่ หรือถ้า ครม.ยอมผ่าน พ.ร.บ.กู้เงิน แล้วยังต้องไปผจญอุปสรรคในด่านสภา สส.และ สว. เป็นขวากหนามสำคัญ หรืออาจเกิดการยื่นร้องต่อ ศาลรธน. ให้วินิจฉัยลงโทษ ครม.ด้วย ดังนั้นนายกฯเศรษฐา ย่อมยากลำบากที่จะผ่านไปได้ง่ายๆ" นายจตุพร ระบุ 
กระตุกเงินดิจิทัล! รุมสับนโยบายแจกเงินหมื่น ท่ามกลางเสียงสะท้อนหลากหลาย
หวั่นนโยบายแจกเงินหมื่น เข้าทางขี้ยาแลกเงินสด

ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ว่า ดิจิทัลวอลเล็ต กับ ยาเสพติด ความจริงก็คือตอนโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีคน (ส่วนหนึ่ง) ขอร้านค้าเบิกเป็นเงินสดโดยไม่เอาสินค้า โดยลดส่วนต่างให้ร้านค้า เช่น เบิกเงินสดมา 900 บาท แต่ให้ร้านค้าไปทำเบิกเป็นซื้อสินค้า 1,000 บาท ร้านค้าก็ได้กำไร 100 บาท

คราวนี้ผมเกรงว่าคนส่วนหนึ่งที่ติดยาเสพติด ขอเงินสดร้านค้า 8,000 บาท และให้ร้านค้าไปทำเบิกเป็นซื้อสินค้า 10,000 บาท ร้านค้าก็ได้กำไรไป 2,000 บาท สมมุติว่าคนส่วนหนึ่ง (อาจหลายแสนคน) ที่ติดยาเสพติด ได้เงินสดไปสัก 8,000 บาท ไม่ต้องสงสัยว่าคนเหล่านี้เอาเงินไปทำอะไร คงไม่นำไปซื้อข้าวสาร สบู่ ยาสีฟัน แน่ หรือ ผมจะคิดมากไปเอง แต่ยืนยันว่าตอนโครงการ “คนละครึ่ง” มีการเบิกเงินสดไปใช้จริง ๆ อย่าเชื่อที่ผมเขียนพิจารณาให้ดีก่อน

กระตุกเงินดิจิทัล! รุมสับนโยบายแจกเงินหมื่น ท่ามกลางเสียงสะท้อนหลากหลาย
ร้องผู้ตรวจฯส่งศาล รธน.ชี้ขาดแจกเงินดิจิทัล ชี้ขัด รธน.-กม.การเงินการคลัง

ขณะที่ วันนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรัฐบาลตรา พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรม นูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 140 ประกอบ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2560 มาตรา 53 หรือไม่

พร้อมเชื่อว่า นายกฯเศรษฐา กำลังกลืนน้ำลายตัวเอง ตระบัดสัตย์ตัวเอง ออกพ.ร.บ.เงินกู้เพื่อไปใช้ในโครงการนี้ ซึ่งทำให้ต่อไปคนไทยต้องจ่ายภาษีใช้หนี้ให้โครงการนี้ ไม่ว่าจะยากดี มีจน แม้แต่คนที่ไม่เข้าข่ายว่าจะต้องได้เงิน 1 หมื่นบาท ก็ต้องมาร่วมใช้หนี้ด้วย 
กระตุกเงินดิจิทัล! รุมสับนโยบายแจกเงินหมื่น ท่ามกลางเสียงสะท้อนหลากหลาย
จี้กกต.รับผิดชอบ ปมไฟเขียว "เงินดิจิทัลวอลเล็ต" ลั่นเอาผิดนโยบายไม่ตรงปก

ด้าน นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อทวงถามกรณีที่ กกต.อนุมัตินโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท สาเหตุเพราะเงื่อนไขการแจกเงินเปลี่ยนไปหมดแล้ว ซึ่งไม่เหมือนที่พรรคการเมืองยื่นให้กับ กกต.ไม่ว่าเงินจะมาจากการกู้ หรือไม่แจกเงินตามจำนวนคน 56 ล้านคน

ซึ่งไม่ตรงกับปีงบประมาณแจ้งเอกสารไปยังหน่วยงานราชการ แล้วไม่เป็นไปตามเอกสารที่เขียนหรือกำหนดไว้นั้น จึงเป็นการกระทำที่ผิดต่อกระบวนการกฎหมายอาญาลักษณะที่ 2 ความผิดเกี่ยวกับการปกครองในมาตรา 137 ที่ระบุว่าผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงาน ซี่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย มีความผิดตามประมวลการกฎหมายอาญามาตรา 137 มีโทษจำคุกและปรับ

"พ.ร.ป.การเมือง บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการที่พรรคการเมืองจะประกาศนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องผ่านการศึกษา ดูงบประมาณ ดูผลกระทบ ดูทุกอย่าง และคนที่จะพิจารณาตรวจสอบก็คือ กกต.ต้องพิจารณาให้ได้ว่าสิ่งที่พรรคการเมืองนำเสนอมานั้นทำได้หรือไม่ วันนี้ผมไม่มั่นว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมแล้ว กกต.ต้องรับผิดชอบและวินิจฉัย แต่ถ้าได้รับเหตุผลจาก กกต.เป็นไปตามกฎหมายกระบวนการเป็นที่พอใจ ก็จะไม่ยื่น ป.ป.ช. แต่เชื่อว่า กกต.คงไม่สามารถตอบได้ และเรื่องนี้จะต้องถึง ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ" นายสนธิญา ระบุทิ้งท้าย 

logoline