การตีแผ่เหรียญด้านมืดถูกเปิดฉาก หลังสารวัตรสิว พันตำรวจตรีศิวกร สายบัว มือปราบตรงฉิน ต้องจบชีวิตลง กลางงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยกำนัน ผู้ทรงอิทธิพลเมืองนครปฐม นำมาซึ่งการตั้งคำถาม เหตุใดกำนัน จึงทรงอิทธิพล ทำตัวลอยตัวเหนือกฎหมาย
หากมามองถึงหน่วยงานที่ควบคุมดูแลคงหนีไม่พ้นกระทรวงมหาดไทย แม้ว่ารัฐบาลใหม่จะเพิ่งเริ่มเข้าทำงาน แต่ก็ถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือของรัฐมนตรีจากฝั่งภูมิใจไทยไม่ใช่น้อย บทบาทนี้ จึงถูกวางตัวให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่หลายคนขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อเมืองอุทัย ในลักษณะหนามยอกเอาหนามบ่ง เข้ามาจัดระเบียบตบซ้าย ตบขวา ให้เข้าที่ ตั้งเป้ากำนันต้องสะอาด
"อิทธิพลมันมี 2 ด้านเอา Power ช่วยเหลือประชาชน ปกป้องดูแลประชาชน แก้ไขปัญหา ไม่ใช่รังแกประชาชน ท้าทายอำนาจรัฐ รังแกประชาชน เจอกันเลยผมไม่ยอมแน่"
แม้ว่าตัวนายชาดา จะถูกมองว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่ก็ทำให้นายชาดา กดดันไม่ใช่น้อย ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวอำนาจใคร เพียงแต่ไม่อยากทำให้ประชาชนนั้นผิดหวัง
โดยนายชาดา กล่าวว่า ต้องเริ่มต้นจากการปัดกวาดบ้านตัวเอง จัดระเบียบ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนขยายสู่ประชาชนทั่วไป ซึ่งจะลงพื้นที่เพื่อไปพบ และพูดคุยกับฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยัง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
หลังจากนี้นอกจากผู้อิทธิพลที่ต้องปราบ อีกหนึ่งงานหินที่ต้องเดินคู่ขนานกับไปคือการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะไม่ว่าสิ่งใดก็ดูว่าจะมีความสามารถในการทำลายล้างสังคมที่ไม่ต่างกัน
แต่ก่อนจะขยับจับตาตาม การประกาศตัดสินใจปราบมาเฟียนักการเมืองท้องถิ่น ก็ดูจะเสี่ยงไม่ใช่น้อย แต่ไม่ใช่เสี่ยงกับการทรงอิทธิพล เพราะหลายคนต่างรู้ดีสส.หรือรัฐมนตรีในสภาฯก็ทรงอิทธิพลเสียมากกว่า แต่บทบาทสำคัญของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถือเป็นหัวคะแนนคนสำคัญในการเดินเกมทำการเมืองครั้งต่อไป จึงต้องฝากความหวังรัฐบาลใหม่อย่าให้เป็นเพียงลมที่ลอยหายไป และวนจบสรุปสุดท้ายไม่ต่างจากเงาที่ซ้อนในร่างเดิม