11 กันยายน 2566 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นคนแรกของพรรคก้าวไกล ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า การแถลงนโยบายมีความสำคัญมากในระบบประชาธิปไตย เป็นกลไกในการรับผิดรับชอบ เป็นคำมั่นสัญญา ที่ฝ่ายบริหารได้แถลงต่อหน้าผู้แทนราษฎร และเป็นคัมภีร์ที่จะต้องติดตามตรวจสอบไปตลอด 4 ปี
เมื่อฟังคำแถลงนโยบายจากนายกรัฐมนตรีจบ ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากในเอกสารที่ออกมาก่อนหน้านี้ มีเพียงคำอธิษฐานลอยๆ คำกว้างๆ ขาดความชัดเจนของเป้าหมายที่จะไปถึง ไม่มีการใส่ตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข
พร้อมยกคำแถลงนโยบายของนายบารัค โอบามา ว่ามีเป้าหมายและกรอบเวลา ชัดเจน และ ได้ยกคำแถลงนโยบายรัฐบาลเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเมื่อตัดเกรดแล้ว คำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา จัดอยู่ในเกรดเดียวกับรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งของพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ อย่างน้อยคำแถลงนโยบายก็ยาวกว่า แล้วที่น่าผิดหวังไปกว่านั้น พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มาตรฐานตกไม่ได้รักษามาตรฐานที่เคยทำไว้ดีมากในรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สำหรับนโยบายพรรคเพื่อไทยที่ใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง เช่น นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี, รายได้ดี 3 เท่า แต่เมื่อปรากฏในคำแถลงนโยบายของรัฐบาล กลับเป็นพักหนี้ตามความเหมาะสม, รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนนโยบายหาเสียงค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท, ปริญญาตรี 25,000 บาท ปรากฏในคำแถลงนโยบาย ค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนเป็นธรรม
โดยคาดหวังว่า จะได้ยินคำแถลงนโยบายรัฐบาล เช่นเดียวกับที่นายเศรษฐาแถลงแผนงานเป้าหมายประจำปีของ บริษัทแสนสิริ จำกัด มหาชน ที่มีกรอบเวลาและเป้าหมายชัดเจน ดังนั้นเมื่อวิเคราะห์การแถลงนโยบายในครั้งนี้ จึงมองว่ามาจาก 2 เหตุผล คือ
1. รัฐบาลกลัวการผูกมัด กลัวทำไม่ได้ ตามที่สัญญาเลยไม่กล้าผูกมัดอะไรกับประชาชน
2. เป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีนโยบายข้ามขั้ว จึงหาข้อตกลงสิ้นสุดไม่ได้ จึงต้องเขียนนโยบายลอยๆ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึง เงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า จำเป็นที่จะต้องมีเงินสดมาการันตีว่า 1 บาทจริงจะเท่ากับ 1 บาท ดิจิทัล หากไม่สามารถนำเงิน 5.6 แสนล้านมาการันตีได้ 1 บาทดิจิทัลจะไม่เท่ากับ 1 บาทจริง ซึ่งหากเงินดิจิทัลแลกยากจะทำให้สินค้าและบริการแซงขึ้นมาทันที
จึงสงสัยว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะมาจากแหล่งใด เช่น มาจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งงบประมาณจะเพียงพอหรือไม่ หรือมาจากเงินนอกงบประมาณ จากกองทุนหมุนเวียน ซึ่งหากรัฐบาลเลือกใช้งบประมาณประจำปี 2567 เชื่อได้ว่างบประมาณไม่พอ ซึ่งหากใช้เงินนอกงบประมาณ หากไม่เป็นตามกรอบวินัยการเงินการคลังจะไม่สามารถทำได้