svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นักวิชาการ ชี้! นโยบายรัฐบาล ตีโจทย์แตกเน้นแก้ปากท้อง แต่น่าห่วงเรื่องงบฯ

นักวิชาการ จับตาการแถลงนโยบายรัฐบาล 11 ก.ย.นี้  ชี้รัฐบาลตีโจทย์แตก นโยบายเร่งด่วนเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน  แต่ยังน่าห่วงเรื่องงบประมาณที่จะนำมาผลักดันนโยบาย  และยังไม่เห็นการบูรณาการนโยบายร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล

โดย ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวถึงคำแถลงนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐา 1”  ว่าหากมองในภาพรวม ยังพบว่ามีความลักลั่นอยู่ เพราะบางเรื่องเป็นรายละเอียดที่สะท้อนนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย แต่ในอีกด้านหนึ่งจะพบว่ายังไม่ค่อยมีนโยบายที่เป็นสาระของพรรคร่วมอื่นๆเท่าใดนัก และยังไม่เห็นการบูรณาการนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อนำมาเป็นข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะยังไม่มีเวลาตกลง เช่น เรื่อง “กัญชา” จะให้เป็นการรักษาหรือเป็นสันทนาการ

ส่วนการที่ไม่มีบางนโยบายบรรจุอยู่ในคำแถลง เช่น ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย  มองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่  เพราะการเขียนคำแถลง ไม่จำเป็นต้องระบุในรายละเอียด  และในคำแถลงมีการพูดถึงอยู่แล้วว่า นโยบายเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ให้ประชาชนเข้าถึงง่าย มีประสิทธิภาพ  จึงไม่อยากให้มองคำแถลงแบบจับผิด  แต่ควรมองที่แก่นหลักนโยบายภาพรวม ว่ามีเจตนาตรงตามที่เคยหาเสียงไว้หรือไม่

โดยในส่วนของ 5 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คือ นโยบายเรื่อง ดิจิทัล วอลเล็ต , การแก้ปัญหาพลังงาน , พักชำระหนี้เกษตรกร , กระตุ้นการท่องเที่ยว  และประเด็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ  หากดูในภาพรวม จะเห็นได้ว่า เน้นปัญหาปากท้องและกระตุ้นเศรษฐกิจ และประเด็นของความขัดแย้งในสังคม  ถือว่าพรรคเพื่อไทยตีโจทย์แตก เพราะสังคมตอนนี้มีความเหลื่อมล้ำสูง  แต่ก็ถือเป็นเรื่องท้าทายของพรรคเพื่อไทย  ว่าจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ 

 

โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต  ที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย  เชื่อว่าพรรคจะต้องผลักดันนโยบายนี้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู  แต่ก็เห็นปัญหา ว่ารูปแบบและรายละเอียดยังไม่ชัดเจน   

เช่นเดียวกับเรื่องของพลังงาน ที่นายเศรษฐา ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์สูงในแวดวงธุรกิจ หากสามารถไปเจรจาได้  จะเรียกความเชื่อมั่น ศรัทธามาในระบบเศรษฐกิจ

แต่ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด และน่าจะเป็นอุปสรรคของรัฐบาล คืองบประมาณ ที่จะนำมาใช้ เพราะรัฐบาลชุดนี้จัดตั้งขึ้นมาช้า งบประมาณ ปี 2567 ไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันเดือนกันยายนตามที่กำหนดไว้  ทำให้อาจต้องดึงงบประมาณจากส่วนอื่นมาใช้ก่อน ซึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบข้างเคียง

"ถ้าเกิดดูในแง่นี้ ตีโจทย์ได้ถูก เพียงแต่ว่าคำถามใหญ่จะเอางบจากไหนมาใส่ในระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้เครื่องจักรเศรษฐกิจเดินหน้าและสร้างเงินหมุนเวียน เป็นตัวคูณที่จะทวีกลับมา โจทย์ตรงนี้เป็นสิ่งที่ยังมองไม่เห็นภาพชัดเจนนัก"

อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.สิริพรรณ  ยังมองว่าสิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องคำนึงถึงอีกเรื่องหนึ่งนอกจากเรื่องของนโยบาย คือ ความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อการทำงานของคณะรัฐมนตรีที่เข้าไปดูแลกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายคน  ที่ประชาชนรู้สึกไม่เชื่อมั่น

แต่การที่นายเศรษฐา คุมกระทรวงการคลังเอง  ถือเป็นข้อดีและจุดแข็ง เพราะจะทำให้สามารถเข้าไปดูแลกำกับควบคุมงบประมาณของกระทรวงต่างๆได้  หากทำงานไม่เข้าตา ก็อาจจะได้เห็นการปรับ ครม. เร็วขึ้น   

ซึ่งหลายคนหวังว่า ในอนาคตหากมีการปรับ ครม. จะได้เห็นเจ้ากระทรวงที่มีประสบการณ์และความพร้อม ตรงกับงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้ศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลดีขึ้นมากกว่าครั้งนี้

นักวิชาการ ชี้! นโยบายรัฐบาล ตีโจทย์แตกเน้นแก้ปากท้อง แต่น่าห่วงเรื่องงบฯ