svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

28 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เพื่อไทย" แม้เป็นพรรคอันดับสอง แต่ห่าง"พรรคก้าวไกล"แค่ สิบที่นั่ง จึงไม่อาจชี้วัดจะร่วมตั้งรัฐบาลตลอดรอดฝั่ง ยิ่งการเจรจาต่อรองเก้าอี้"ประธานสภา"และ"โควต้ารมต."ไม่ลงตัว พร้อมแรงยุจาก"คนแดนไกล" โอกาสเปลี่ยนเกมสูง ติดตามได้จาก "เมฆาในวายุ"

ยามนี้ต้องจับตาการขยับของ "คนแดนไกล"ที่มีผลพันผูกมายัง " พรรคเพื่อไทย " จะเดินเกมอย่างไร หลังจาก"พรรคเพื่อไทย"มีสองแนวความคิด ต่อการเดินเกมในสภา จะไปต่อหรือพอแค่นี้กับ"ก้าวไกล"

แม้จะมี"ขุนพลหลายหน้า" ออกมาแถลง ทำนองสร้างความมั่นใจ สนับสนุน"ก้าวไกล" ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จก็ตาม แต่อย่าลืมว่า "การเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร" อะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งผลการเลือกตั้ง คะแนนของ "พรรคก้าวไกล" และ "พรรคเพื่อไทย" ห่างกันแค่สิบที่นั่ง ไม่ได้มีพรรคใดพรรคหนึ่งชนะแบบแลนด์สไลด์ 

แม้ "ก้าวไกล" ประกาศชัยชนะด้วยการเอ่ยอ้างทุกเวที นี่คือ "ฉันทามติ" นี่คือเสียงสวรรค์ที่ทำให้"ก้าวไกล" ได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม หากแต่ความรู้สึกของพรรคลำดับที่สอง รวมถึงพรรคร่วมอื่นๆพยายามนิ่งในที่ตั้ง รักษามารยาททางการเมือง เปิดโอกาสให้ " ก้าวไกล" เดินลุยถั่วได้ชัยชนะในสภาก่อน ถึงตรงนั้นจะเป็นเครื่องการันตีความปลอดภัย  นี่คือเสียงข้างมาก นี่คือ"ฉันทามติ"ของแท้    

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

สภาพการณ์ตอนนี้ "เพื่อไทย"โดนพายุสีส้มโอบล้อมไว้แทบทุกมุม และจะหาวิธีฝ่ามรสุมนี้ได้เช่นใด  "กลุ่มแรก" เสนอเปิดเกมแบบใครอยู่ใครไป แต่"กลุ่มที่สอง" เสนอให้เปลี่ยนกลยุทธ์-อย่าฝืนกระแส เน้นการยกเครื่องทั้งระบบ 

จึงต้องวัดใจ "คนแดนไกล" จะมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้กลุ่มใดครอบครอง ในการให้ "เพื่อไทย"กลับคืนอันดับหนึ่งของยุทธจักรการเมืองไทยเร็วที่สุด

จับจังหวะ"พรรคก้าวไกล" ยืนยันนอนยัน "เก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ" และ"ประมุขฝ่ายบริหาร" ต้องอยู่ในอาณัติของ"พรรคสีส้ม"  ขณะที่ "พรรคเพื่อไทย"ประกาศขอเก้าอี้"ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ไว้เป็นชั้นต้น ก่อนที่จะเจรจาในวาระอื่นๆ 

เมื่อสองพรรคต่างยืนกราน ทำให้มีแนวโน้ม"วงแตก" แล้วใครคือผู้รับความเสี่ยงและความเสียหายบนถนนการเมืองมากกว่ากัน

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

ข้อมูลจาก"กกต."เกี่ยวกับตัวเลข ส.ส. และคะแนนมหาชนที่เกี่ยวพันกับจังหวะของสองพรรคใหญ่ ปรากฏว่า

"พรรคก้าวไกล"  มี ส.ส.เขต 112 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 คน (จากคะแนนมหาชน 14,438,851 เสียง) ได้ ส.ส. รวม 151 คน

"พรรคเพื่อไทย" มี ส.ส.เขต 112 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 29 คน (จากคะแนนมหาชน 10,962,522 เสียง) ได้ ส.ส. รวม 141 คน

แน่นอนว่า ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย การเลือกประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ จะเป็นบันไดขั้นแรกก่อนการลงมติเลือกสร.1 และธรรมเนียมปฏิบัติส่วนใหญ่บนเวทีการเมืองไทย "พรรคอันดับหนึ่ง"จะครองเก้าอี้"นายกรัฐมนตรี" และ"ประธานสภาผู้แทนฯ" เว้นแต่เหตุปัจจัยซึ่งหน้าของเกมการเมืองในบางยุคที่ส่งผลให้เก้าอี้หลักแห่งย่านเกียกกายต้องผ่องถ่ายให้พรรคอื่น 

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

เหตุปัจจัยนี้ "เพื่อไทย" นำมาใช้ต่อรองจนเป็นรอยแยกที่สองพรรคโต้แย้งผ่านสื่อมวลชน สังคมออนไลน์ รวมถึงการขยับของกองเชียร์จากพรรคอันดับหนึ่งกับพรรคอันดับสองในตอนนี้ รูปเกมคล้ายว่า "ยังไม่มีใครยอมใคร" เนื่องจาก"พรรคสีส้ม"ยืนยันขอเก้าอี้"ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ"ไว้ดูแลเอง  

แต่การแสดงจุดยืนของ"พรรคสีแดง"ที่แสดงความต้องการขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ควรอยู่ในโควต้าของ"เพื่อไทย"บนหลากเหตุผล (พูดง่ายๆ พท.โต้แย้งว่า "พรรรสีส้ม" ควรเกลี่ยเก้าอี้ตัวนี้ให้"เพื่อไทย"เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะ  )   

กว่าวาระนี้จะคืบไปถึงเวลาต่อรอง (วันที่ 30 พฤษภาคม 2566  พรรคสีส้มกับพรรคสีแดงจะนัดคุยกันที่พรรคสีน้ำตาล(สีหลักของพรรคประชาชาติ ) เพื่อหารันเวย์คำตอบในเรื่องนี้ให้ยุติ   

สืบทราบว่า การขยับหลังบ้านของ"คีย์แมน" สองพรรคน่าจะถกกันหนักก่อนที่จะไปเจรจาความเมืองให้ยุติ หากมีการยินยอมหรือไม่ยินยอม ผลลัพธ์ทางการเมืองจะแตกต่างกันในวาระอื่นๆที่จะตามมา

เบื้องต้น "พรรคสีส้ม" มองว่า"เพื่อไทย" เล่นเกมซ้อนเกม ไม่มีความจริงใจกับกระแสข่าวลอยลมที่สะพัดมาเนืองๆ แม้คีย์แมน"เพื่อไทย" ยืนยันว่าไม่มีการเล่นตุกติก แต่อย่าลืมว่าการเมืองคือการเมืองที่มีกลยุทธ์หลากวิธีในการเข้าถึงอำนาจ

ความจริงอีกชั้นหนึ่ง คือ คนวงใน" เพื่อไทย" มีเครดิตและสายสัมพันธ์ทางการเมืองหลากแขนงในการ "วางแผนสอง" ไว้รับมือเหตุพลิกผันมากกว่า"พลพรรคสีส้ม"

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล

สภาพที่เห็นและเป็นอยู่  "พรรคสีส้ม" ลุ้นเหนื่อยกับการเดินเข้าสู่"เก้าอี้แห่งอำนาจ"  แม้จะมีสิทธิตามครรลองประชาธิปไตย อย่าลืมว่า "พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรค ต้องลุ้นกับคดีถือหุ้นสื่อ จะโดนเชือดหรือไม่ในวันใด รวมถึงของแถมจากคดีความต่างๆ อีกทั้งลีลาของกองเชียร์มกองหนุน,สมาชิกพรรคสีส้มในวันวานจนวันนี้ที่อาจจะปะทุได้เสมอ, การขยับนโยบายต่างๆของพรรคก้าวไกลที่หาเสียงไว้กับ 14 ล้านเสียงเศษให้บรรลุ

เฉพาะวาระร้อนที่มีความหมิ่นเหม่ต่อสถาบัน ,การแสวงหา 64 เสียงจากสภาสูงที่จะมาเติมให้ 312 เสียงให้บรรลุ 376 เสียงของสมาชิกรัฐสภาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดย "พรรคสีส้ม" ยืนยันแล้วว่าจะไม่ขอแต้ม ส.ส.188 เสียงจากขั้วรัฐบาลเดิม แต่พิจารณาแล้ว จำนวนส.ว.ที่จะมาเติมฝันให้พรรคสีส้ม ยากยิ่งกว่าการแสวงหาขั้นแรกของบันไดแห่งสวรรค์ 

อุปสรรคเหล่านี้ ใครต่อใครย่อมมองออกว่า เส้นทางแห่งอำนาจมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ  เส้นทางของพรรคก้าวไกล ไม่ได้วิ่งผ่านทุ่งลาเวนเดอร์อย่างที่ฝันกัน  

เกมแห่งอำนาจรอบนี้ หลายฝ่ายมองว่า "พรรคสีส้ม"ติดกับดักตัวเอง ยากที่จะสลัดออกได้ทันท่วงทีในเวลาอันใกล้   

ยิ่งประจักษ์ชัดกับสภาพ"การเมืองหลังฉาก"  พบว่า คีย์แมนชุดปัจจุบันของ"พรรคเพื่อไทย" ไม่แฮปปี้กับบทพระรอง ทำให้ใครบางคนในพรรคสีแดงกำลังขยับ"ดีลบางอย่างไว้แต่เนิ่นๆ"

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

หากวันข้างหน้า"พรรคสีแดง"ต้องรับธงในการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทน"พรรคสีส้ม" ซึ่งมีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะเกิดขึ้น (อ่านจากจังหวะพรรคขั้ว"ลุงตู่" เดิมที่ยังมิขยับใดๆ บวกกับส.ว.คนอื่นๆที่ยังไม่ประกาศว่า เห็นชอบ,ไม่เห็นชอบ,งดออกเสียงให้กับ"พิธา" โดยรอลุ้นการรับรองสถานะและวินิจฉัยคุณสมบัติส.ส.จากกกต.)

ประการหนึ่ง ต้องยอมรับว่า  ชั้นเชิงคีย์แมนพรรคสีส้มผ่านร้อนผ่านหนาวน้อยกว่าขุนพล(ตัวจริง)พรรคสีแดงที่เคยคว้าชัยบนสนามเลือกตั้งห้าสมัยซ้อน อีกทั้งยังผ่านการถูกยึดอำนาจมาถึงสองครั้ง

แม้คราวนี้"เพื่อไทย"ต้องรับบทพระรอง แต่คนแดนไกล ไม่พอใจกับตัวเลข 141 ส.ส.ในตอนนี้ (ทราบว่าตัวเลขที่แกนนำพท.วางไว้คือสูงสุดคือ 280 ส.ส. ต่ำสุด คือ 200 - 220 ส.ส.) จึงต้องหาจังหวะในการคืนขันหมาก ด้วยเหตุจากเงื่อนไขและจังหวะการเมืองที่พรรคสีส้มวางไว้ "ยากยิ่งที่หลายฝ่ายจะรับได้"

ดังนั้นการต่อรองเก้าอี้"ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ" ระหว่างพรรคสีส้มกับพรรคสีแดง และอาจเกี่ยวเนื่องกับโควต้าครม.ในกระทรวงหลักๆส่อแวววงแตก  

แกนนำบางคนในพรรคสีแดง เปิดปมไว้ว่า หากไม่สามารถหาข้อยุติ ก็ให้ไปฟรีโหวตในสภา  ฉะนั้นหลับตานึกภาพตามมาได้เลย เมื่อปล่อยสถานการณ์เดินไปถึงจุดนั้น  ย่อมมีความเดือดปะทุขึ้นอีกครั้ง และจะเป็นการบีบให้"พรรคสีส้ม"เดียวดายกลางสายลม

 

แว่วมาจากอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ว่า คนวงใน"เพื่อไทย" มีแนวคิดแยกเป็นสองชุดคือ "วงแรก" ประกอบด้วยบุคคลที่ใกล้ชิดคนแดนไกลที่มีบทบาทวางจังหวะขยับของพรรคมายาวนานและเดินหมากตามไกด์ไลน์ที่คนแดนไกลส่งรหัสมาให้  

"ด้วยท่วงทำนองหาก"เพื่อไทย" จับมือไปกับ"พรรคสีส้ม" จะโดนพรรคสีส้มขี่คอทุกเรื่องในช่วงลงเรือลำเดียวกัน  อาจโดนหางเลขไปแบบไม่รู้ตัว หากต้องไปล่มหัวจมท้ายกับพรรคก้าวไกลกับหลากกรณี รวมทั้งแนวทางในใจที่คนแดนไกลวางหมากไว้จะไม่สมหวังเป็นแน่"

มองกันแบบทะลุว่า ยามนี้คนวงในวงแรกของ"เพื่อไทย" กำลังหารันเวย์เพื่อคืนขันหมากกลับไปให้ว่าที่เจ้าบ่าวชุดสีส้มแบบที่สังคมตำหนิน้อยที่สุด แต่"เพื่อไทย"ต้องได้ประโยชน์ในการเดินหมากการเมืองมากที่สุดและมีข้ออ้างอันชอบธรรมในการจับใส่ตะกร้าล้างน้ำเพื่อรอว่าที่เนื้อคู่คนใหม่เพราะหาก"เพื่อไทย"สลัดจาก"พรรคสีส้ม"ไปได้ "เพื่อไทย"จะยืนแท่นพรรคที่มีความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลใหม่มากที่สุด เงื่อนไขต่างๆที่เคยหาเสียงไว้ว่าจับมือ,ไม่จับมือกับพรรคใดบ้างนั้น

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

สถานการณ์การเมืองในยามหน้า จะเป็นการอธิบายความด้วยตัวมันเองประวัติศาสตร์การพลิกขั้ว,จับมือทางการเมืองแบบล็อกถล่มเคยปรากฏตามบันทึกการเมืองของไทย(รวมทั้งพท.มีโอกาสช้อนส.ส.พรรคก้าวไกลที่มี 151 ส.ส.มาร่วมงานด้วยมากที่สุด หากพรรคสีส้มต้องโดนยุบพรรคจากกรณีของ"พิธา")

ดังนั้นการตัดต้นส้มข่มขวัญ ต้องดำเนินการวันนี้ ในทุกกรณี ปล่อยไว้เนิ่นนานไม่ได้ มิเช่นนั้นดอกส้มจะกระจายไปทั่ว 77 จังหวัดกลืนกินสีแดงในอนาคต 

๐๐๐๐๐๐๐๐

"วงในวงที่สอง"ของ"เพื่อไทย" นั่นคือ แกนนำรุ่นใหม่ ประกอบด้วย บุตรทั้งสามของคนแดนไกลรวมทั้งนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เป็นเสียงส่วนน้อยในพรรค บวกกับเลือดใหม่(เศรษฐา ทวีสิน) มองว่า "เพื่อไทย"ยามนี้ต้องยกเครื่องพรรคใหม่ทั้งระบบและขออำนาจเต็มในการทำงานครั้งนี้จากคนวงในวงแรก  รวมทั้งขอให้คนแดนไกลเพลาๆบทบาทไปสักระยะ  เพื่อให้คนวงในวงที่สองวางแนวทางการทำงานในสี่ปีข้างหน้าไว้แบบบูรณาการเพื่อรองรับการปะทะกับพรรคสีส้มในคราวต่อไป

เนื่องจากคู่ต่อกรในสนาม คือ"พรรคสีส้ม" หากวันนี้"เพื่อไทย"เล่นเกมการเมืองแบบฝืนกระแสสังคม การโดนบูลลี่จะเกิดขึ้นตลอดอายุรัฐบาลใหม่ บานปลายถึงการเลือกตั้งงวดหน้า  

 

ถอดรหัส"เพื่อไทย" วงใน เคลื่อนไหวสองแนวทาง บนภารกิจฝ่าพายุ"สีส้ม"

"วงที่สอง"นี้ มองว่าหากถึงวันนั้น"เพื่อไทย" มีโอกาสแพ้ "พรรคสีส้ม"มากที่สุด ดังนั้นภารกิจของ"ชินวัตรแฟมิลี่รุ่นสี่" (พานทองแท้/ พิณทองทา/ แพทองธาร ชินวัตร) ต้องชูไว้ว่า ภาวะการนำทัพในวันนี้เป็นต้นไป ขอให้อยู่ในอาณัติของ"หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" ขอให้เดินตามกติกาอย่าฝืนกระแส  ต้องเร่งปั้นผลงานจากการร่วมครม.ออกมาให้โดนใจแฟนคลับและเปิดรับสมัครสมาชิกครบครัวเพื่อไทยเพิ่มเติมในทุกมิติ ไม่เช่นนั้น วันข้างหน้าจะเดินงานลำบาก 

ไม่กี่นาทีข้างหน้า ขอให้จับอาการของคนวงในทั้งสองชุดจากอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ว่า จะใครจะยิ้ม ใครจะอารมณ์บูด หากจับจังหวะนั้นได้ก็จะอ่านหมากในกระดานถัดไประหว่างพรรคสีแดงกับพรรคสีส้มได้สะดวกรวมทั้งอ่านกลเกมการเมืองในภาวะถัดไปได้ไม่ยาก
 

logoline