9 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง เดินทางมาที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อทวงถามข้อเท็จจริงกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีข้อมูลว่า หลานชายของพลเอกประยุทธ์ มีส่วนเกี่ยวข้องและไปทำธุรกิจรถทัวร์กับ ตู้ห่าว หรือไม่
โดยนายชูวิทย์ เปิดเผยหลังพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีรับปาก ยืนยันในฐานะชายชาติทหาร จะจัดการปัญหาทุนจีนสีเทา และกรณีที่มีชื่อหลานชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ "ตู้ห่าว" แต่ทุกอย่างมีขั้นตอนในการดำเนินการ และการที่พลเอกประยุทธ์ ให้ตนได้ชี้แจงแสดงว่าเป็นคนใจถึง ยอมฟังเสียงประชาชนอย่างตนเอง ซึ่งตนก็ต้องให้เวลานายกฯ จัดการปัญหาตามระบบราชการ ยืนยันนายกฯ ไม่ได้มากล่อมอะไรตน
โดยย้ำพลเอกประยุทธ์ขอเวลา เช่น ไม่สามารถไปย้ายใครได้ทันที ไม่ใช่พูดปุ๊บย้ายปั๊บได้เลย เพราะมีขั้นตอนและกระบวนการ ซึ่งวันนี้ตนได้ยินจากปากของพลเอกประยุทธ์แล้ว จึงถือว่าพอแล้ว และตนเองก็ได้รับปากนายกฯไปแล้ว แต่เรื่องการตรวจสอบขุดคุ้ยทุนจีนสีเทาจะขอดำเนินการต่อ แต่ไม่มาเรียกร้องให้นายกฯดำเนินการอะไรต่อ เพราะได้รับปากตนไว้แล้ว
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ยังได้ตอบข้อสงสัย กรณีที่มีชื่อหลานชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับตู้ห่าว ซึ่งพลเอกประยุทธ์บอกว่า ขอเวลาไปดำเนินการตรวจสอบก่อน และยังบอกด้วยว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว และบอกให้ชูวิทย์พอได้แล้ว ซึ่งตนเองก็รับปากจะพอแล้ว เพราะถือว่าการพูดคุยวันนี้แฮปปี้เอนดิ้ง และย้ำว่าการพูดคุยกับนายกฯวันนี้ประมาณ 10นาที ไม่ใช่เรียกไปกล่อม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า เป็นนายกฯไม่สามารถทำทุกอย่างได้รวดเร็ว และการที่จะไปย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในทันทีก็จะทำให้คนต่อว่า และอาจทำให้ข้าราชการที่ดีตกใจว่าพูดปุ๊บย้ายปั๊บ จึงต้องรอให้จเรตำรวจสรุปข้อเท็จจริง ซึ่งได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องให้เวลากับพลเอกประยุทธ์ ส่วนตัวพอใจกับคำตอบของพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นชายชาติทหาร ยืนยันไม่มีการเกี๊ยะเซี๊ยะกับนายกฯ แต่เป็นการพูดคุยกันในฐานะผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ ซึ่งนายกฯบอกหากมีหลักฐานสามารถเอาผิดได้ ก็จะฟันไม่ยั้ง