9 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หอบพยานหลักฐานเป็นเอกสารและคลิปวีดีโอต่าง ๆ 1 กล่องพลาสติกขนาดใหญ่ มาเข้าพบคณะกรรมการจเรตำรวจแห่งชาติ หลังได้รับหมายเรียกให้เข้ามาสอบปากคำ และให้ข้อมูลในคดีการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายในคดีผับจินหลิง และเครือข่ายทุนจีนสีเทาของนายชายณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ แต่มองว่าการเรียกเข้ามาครั้งนี้ เหมือนเป็นละคร ลิเก หนังตะลุง การแสดง เพราะเชื่อว่าจเรตำรวจแห่งชาติ จะไม่เอาจริง ทั้งที่ความเป็นจริงควรมีคนกลางที่ไม่ใช่ตำรวจมาร่วมในการตรวจสอบด้วย เหมือนในต่างประเทศ หากวันนี้เข้าไปให้ข้อมูลแล้ว ทางจเรตำรวจแห่งชาติไม่ได้มีท่าทีจะเอาจริงในการเอาผิดกับตำรวจชุดดังกล่าว ก็จะเดินออกจากห้องทันที
สำหรับหลักฐานที่นำมามอบให้จเรตำรวจแห่งชาติวันนี้ มีทั้งหลักฐานการตัดต่อภาพวงจรปิดของผับจินหลิง และผับลีลา ซึ่งมีภาพการตั้งบ่อนการพนันในจุดดังกล่าว หลักฐานการออกหมายจับช้า การไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ทั้งที่เวลาผ่านมานาน การไม่ดำเนินคดีเรื่องบ่อนการพนันในผับจินหลิง
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า พยานหลักฐานที่นำมาวันนี้เป็นเพียงบางส่วน โดยยังมีพยานหลักฐานอยู่อีกจำนวนมาก แต่ต้องดูท่าทีของจเรตำรวจแห่งชาติ ว่าจะเอาจริงในเรื่องนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่าจเรตำรวจมีข้อมูลทุกอย่างอยู่แล้ว ยืนยันว่า สิ่งที่ทำทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือต้องการกลั่นแกล้งทางการเมืองกับบุคคลใด และไม่ได้คิดจะไปสังกัดพรรคไหน ไม่ได้รับใบสั่งจากใคร
สำหรับการเข้าให้ข้อมูลวันนี้จะตั้งข้อสังเกตเรื่อง พ.ต.ท.คมไพร และรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่ดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ในขณะที่เกิดคดีว่า ใครเป็นคนดูแลตำรวจทั้งสองนายนี้ มาตั้งแต่เป็นชั้นประทวน
ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังมีการจับผับจินหลิง มีการสั่งย้ายนายตำรวจเพียงแค่นายเดียว ทั้งที่คดีอื่นๆ ต้องสั่งย้ายทั้ง 5 เสือ ของสน.ที่เกิดเหตุ เหมือนกับกรณีของผู้เสียชีวิตภายในผับดัง พื้นที่สน.สุทธิสาร และกรณีผับเครือข่ายของ นายตู้ห่าว ที่พัทยา
ส่วนกรณีที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจที่ทำสำนวนคดี นายหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นคนส่งข้อมูล และพยานหลักฐานไปให้ตนเอง เรื่องนี้มองว่า ตำรวจนายดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง แต่ตนเองมีข้อมูลที่ได้จากแหล่งอื่นไม่ใช่เพียงตำรวจนายดังกล่าวเพียงคนเดียว และเชื่อว่าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวจะไม่ทำให้ตำรวจนายอื่น ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำคดีของ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะไม่กล้าส่งข้อมูลอื่น ๆ มาให้อีก
ส่วนประเด็นที่อัยการเข้ามาดูคดีนายตู้ห่าว นายชูวิทย์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ อัยการ ยังไม่มีการรับเป็นคดี ของนายตู้ห่าว เป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่เข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษา แต่สำนวนคดีอยู่ที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอาจทำให้คดีเกิดความเสียหายได้ มองว่าเหมือนเป็นการเล่นละครอีกโรงหนึ่ง
ทั้งนี้ ก่อนที่นายชูวิทย์ จะเดินทางเข้าห้องประชุม เจ้าตัวยังประกาศด้วยว่า ในช่วงเย็นจะไปที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อถามคำถามนายกรัฐมนตรี เรื่องหลานที่ไปเกี่ยวข้องกับคดีของ นายตู้ห่าว และพวก พร้อมนำตะเกียงและเทียนไปให้
ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ควรหงุดหงิดโมโห แต่ควรตอบคำถาม และอธิบายเรื่องให้กับตนเอง และประชาชนทุกคนรับทราบ ครั้งนี้ไม่หนักใจ หากจะเข้าไม่ถึงตัวนายกรัฐมนตรี ก็จะหาที่นั่งรอเข้าพบ และให้ข้อมูลต่าง ๆ จนได้