svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

ทุบกำแพงวัฒนธรรม! เมื่อดารากลายเป็นสินค้าส่งออกชั้นดี โอกาสที่เคยมีก็เพิ่มมากขึ้น

23 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กระแส Stop Asian Hate ยังพุ่งแรงไม่หยุดเมื่อประชาคมโลกเริ่มตระหนักในสิทธิและความเท่าเทียม อุตสาหกรรมหนังฮอลลีวูดเริ่มมีการพัฒนาให้เห็นว่าแม้แต่ชาวเอเชียก็สามารถเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักได้ รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ๆที่ไม่ใช่แค่ฝั่งอเมริกาอีกต่อไป นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าอาจพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต

Highlights

  • เมื่อฮอลลีวูดเล็งเห็นตลาดใหญ่ในเอเชียที่สามารถกอบโกยเม็ดเงินได้อย่างต่ำ 1 พันล้านดอลลาร์ การปรับกลยุทธ์เพื่อชนะใจชาวเอเชียจึงได้เริ่มต้นขึ้น
  • กระแส Anti-Asian ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมตะวันตก ลุกลามไปยังวงการแสดงที่ทำให้นักแสดงชาวเอเชียถูกตีกรอบและด้อยค่าเกินความเป็นจริง
  • Marvel กับการเลือกนักแสดงชาวเอเชีย Shang-Chi and the Legend of the Ten rings หนังฮีโร่ที่ไม่ได้จำกัดแค่คนผิวขาวอีกต่อไป ถือเป็นก้าวใหม่ที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมหนัง

--------------------
          คงปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดภาพยนตร์ในปัจจุบันเม็ดเงินส่วนใหญ่แพร่สะพัดอยู่ในประเทศจีนเสียมากกว่า เนื่องจากจำนวนประชากรที่มีมากถึง 1.3 พันล้านคน ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในขณะนี้จึงมุ่งหน้าตีตลาดจีนเสียมากกว่า เพราะแค่เข้าฉายที่จีนแผ่นดินใหญ่ประเทศเดียว รายได้เบาะๆตีเป็นตัวเลขคร่าวๆก็เฉลี่ย1 พันล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว 

 

          พอหาตลาดในการลงทุนได้แล้ว อุตสาหกรรมหนังต้องทำอย่างไรจึงจะเจาะกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้? หากมีชาวเอเชียที่สามารถรับบทแสดงนำและเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในภาพยนตร์ฮอลลีวูด จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่าปกติหรือไม่? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราอาจเห็นกระแสดาราเอเชียมากหน้าหลายตาที่ได้รับบทบาทร่วมแสดงในฮอลลีวูด ซึ่งถือเป็นกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีขึ้นหากเทียบกับในอดีต 

 

          แต่ถึงอย่างนั้นนักแสดงชาวเอเชียกับฮอลลีวูดก็ใช่ว่าจะได้รับบทสำคัญในการดำเนินเรื่องทุกครั้งไป จนกระทั่งกระแสฮีโร่ชาวเอเชียจากภาพยนตร์ Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ได้ปลุกกระแสความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกอนาคตที่ฮีโร่ไม่ได้จำกัดอยู่กับคนผิวขาวเท่านั้น รวมถึงการเลือกใช้นักแสดงชาวเอเชียครั้งนี้ ประหนึ่งการเปิดโอกาสให้ชาวเอเชียอีกหลายคนมีความหวังในการเดินตามความฝันสู่วงการฮอลลีวูดมากขึ้น

หญิงเอเชียที่ภาพยนตร์ Full Metal Jacket นำเสนอในฐานะวัตถุทางเพศ ดาราเอเชียถูกกดทับจากวงการฮอลลีวูดแค่ไหนในอดีต?
          ก่อนที่เราจะพูดกันถึงบทบาทของดาราเอเชียว่าถูกกดทับจากฮอลลีวูดแค่ไหน เราคงต้องย้อนกลับไปดูปัญหาทางวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในประเทศแถบตะวันตกเสียก่อน ในปี 1868 คำว่า Yellow Peril หรือ ภัยเหลือง ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่ออธิบายถึงความหวาดกลัวและแสดงความดูแคลนต่อชาวเอเชียที่เริ่มอพยพมาตั้งรกรากในสหรัฐมากขึ้น ความหวาดกลัวที่จะเสียสิทธิและรัฐสวัสดิการของคนขาวมีเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ การประท้วงเพื่อจำกัดจำนวนคนเอเชียเข้าประเทศบรรลุผล การจำกัดเขตที่อยู่ของชาวเอเชียก็พัฒนาจนมีกฎหมายรองรับขึ้นมา (ไชน่าทาวน์ โคเรียนทาวน์ ตามเมืองต่างๆ) จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อกองทัพจากแดนอาทิตย์อุทัยตัดสินใจทิ้งบอมบ์ฐานทัพเรือสหรัฐที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำกระแสความหวาดกลัวชาวเอเชียและฝังรากลึกลงไปในจิตใจคนขาว
 

          ตัดภาพมาที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในฮอลลีวูด นักแสดงหญิงชาวเอเชียมักถูกตีกรอบว่าต้องรับบทโสเภณี นางแมวยั่วสวาท เด็กมีปัญหาหรือแม่บ้าน ทั้งหมดทั้งมวลเพียงเพื่อตอบสนองต่อแนวคิดของชายผิวขาวเท่านั้น ภาพจำของผู้หญิงเอเชียในฐานะวัตถุทางเพศหยั่งรากฝังลึกในวัฒนธรรมตะวันตกมาช้านาน จนส่วนหนึ่งก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมความเกลียดชังต่อผู้หญิงเอเชียมากถึง 68% จาก 3,795 เคส ตามรายงานของ Stop AAPI Hate 

 

          The USC Annenberg Inclusion Initiative ได้ลงมือศึกษาถึงความไม่เท่าเทียมจากภาพยนตร์ชื่อดัง 1,300 เรื่อง โดยจากผลการศึกษาพบว่า จากภาพยนตร์ 100 เรื่องที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปี 2019 มีเพียง 7.2 เปอร์เซ็นเท่านั้นที่ตัวดำเนินเรื่องหลักเป็นชาวเอเชีย และที่สำคัญกว่านั้นลักษณะของชาวเอเชียยังถูกตีความให้บิดเบือนจากความเป็นจริงอยู่มาก
และในยุคก่อนๆ นักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียถูกตีความและขีดกรอบครอบไว้ว่าต้องรับบทจับกัง ทำงานในสปาหรือร้านซักรีด เป็นบริกร หรือไม่ก็รับบทอันธพาลหรือปรมาจารย์กังฟู นอกจากนี้กระแสการแต่งหน้าของคนชาวให้ดูเหมือนชาวเอเชียอย่าง yellowface หรือ fox eyes ก็ถูกนำมาใช่ในวงการบันเทิงเช่นกัน แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้เมื่อหลายทศวรรษก่อนอาจเรียกความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ แต่ในปัจจุบันที่ผู้คนตระหนักรู้ถึงความเท่าเทียมมากขึ้น การแต่งหน้าเพื่อล้อเลียนเชื้อชาติแบบนี้ รับรองว่ารถทัวร์เตรียมจอดหน้าบ้านอย่างแน่นอน
Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ซุปเปอร์ฮีโร่ที่หยิบยกนักแสดงชาวเอเชียมาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก กระแสดาราเอเชียในฮอลลีวูด มีทิศทางที่ดีขึ้นจากอดีตบ้างหรือไม่?
          หลังจากภาพยนตร์ แบล็ค แพนเธอร์ (Black Panther) ได้โชว์ความยิ่งใหญ่สู่สายตาชาวโลกในปี 2018 ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภายนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงทั้งจากด้านรายได้และในแง่ของคำวิจารณ์ แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเห็นได้ชัดที่สุดคือการเลือกสรรนักแสดงผิวดำมาเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง นำโดย แชดวิก บอสแมน (Chadwick Boseman) ฝ่าบาทที่ครองใจแฟนหนังไปแล้วทั่วทั้งโลก นักแสดงหญิงชาวซิมบับเว-อเมริกัน ดาไน กูริรา (Danai Gurira) กับบทบาทโอโคเย องครักษ์หญิงสุดแกร่งแต่ยังแฝงไปด้วยความฮา และนางเอกสาวชาวเคนยา-เม็กซิโก ลูพีตา ญอง ( Lupita Nyong'o) การคัดสรรนักแสดงที่มีเชื้อสายแอฟริกันในนครั้งนี้ เหมือนเป็นการส่งข้อความถึงฮอลลีวูดอยู่เนืองๆว่ายังมีเรื่องราวของคนผิวดำอีกมากที่ไม่ถูกหยิบมานำเสนอสู่สาธารณะชน

 

          “แม้ว่าฮอลลีวูดจะจำกัดความและเหมารวมไปแล้วว่าหนังของคนดำยังไงก็ไม่มีวันส่งออกสู่ระดับสากลได้ แต่แบล็ค แพนเธอร์ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ฮอลลีวูดเคลมไว้นั้นไม่เป็นความจริง” ด็อกเตอร์ แนนซี หวัง หยวน (Nancy Wang Yuen) นักสังคมวิทยากล่าว

 

          ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง มาร์เวล ดูจะมีความพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆโดยการนำเสนอภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่หยิบยกนักแสดงชาวเอเชียมาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักกับ Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นเรียกได้ว่าเกินความประทับใจ เพราะหลังจากเปิดตัวไปได้ไม่กี่วัน Shang-Chi สามารถกวาดเงินไปได้ถึง 71.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วยสร้างรายได้ให้กับโรงภาพยนตร์มากมายที่กำลังฟื้นตัวในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

 

          นอกจากนี้ เหลียงเฉาเหว่ย กับบทตัวร้าย ซูเหวินหวู่จาก Shang-Chi ยังฟันค่าตัวไปถึง 7.7 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมากเนื่องจากเหลียงเฉาเหว่ย นับเป็นดาราฮ่องกงที่ก้าวเข้าสู่วงการหนังฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
ผู้กำกับและนักแสดงจาก Parasite กับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก้าวหน้าสู่โลกใหม่ เมื่อชาวเอเชียเริ่มเรียกร้องหาพื้นที่
          แม้คำว่าความเท่าเทียมทางเชื้อชาติอาจจะยังอยู่ไม่ใกล้นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันชาวเอเชียและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเริ่มมีบทบาทในวงการฮอลลีวูดมากขึ้น เห็นได้ชัดจากการกวาดรางวัลของภาพยนตร์เกาหลีที่จิกกัดสังคมได้แสบสันอย่าง "ชนชั้นปรสิต (Parasite) “ ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) 

 

          นักเขียนบทอย่างวิลเลียม ยู (William Yu) กล่าวว่า Shang-Chi แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนมากมาย เราสามารถเห็นตัวละครสัญชาติเอเชียที่ไม่เพียงแต่มีความเป็นฮีโร่เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าตัวละครนั้นๆมีข้อบกพร่อง ผ่านประสบการณ์มากมายที่หล่อหลอมและทำให้ตัวละครมีความซับซ้อนและน่าสนใจ" วิลเลียมยังเสริมว่า Shang-Chi ได้รื้อภาพจำของชาวเอเชียในแวดวงฮอลลีวูดไปพอสมควร

 

          แม้ Shang-Chi จะลบล้างภาพจำความเน่าเฟะและเรื่องใต้พรมของฮอลลีวูดได้ไม่หมด แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประหนึ่งการเปิดประตูสู่โลกใหม่ในแวดวงฮอลลีวูด ซึ่งได้สร้างความหวังและส่งอิทธิพลต่อชาวเอเชียและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมากมาย 

 

ดาราเอเชียคนไหนบ้างที่ได้บินไกลระดับอินเตอร์
บรู๊ซ ลี (Bruce Lee) บรู๊ซ ลี (Bruce Lee)
          ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง ซุปเปอร์สตาร์กังฟูที่กรุยทางและสร้างความนิยมให้กับศิลปะการป้องกันตัวไปทั่วโลกตะวันตก บรู๊ซ ลี เริ่มด้วยการเป็นดาราหนังฮ่องกงมาตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนจะค่อยๆสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในอเมริกากับ The Big Boss ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง ที่เข้าฉายในอเมริกาปี 1972
เฉินหลง (Jackie Chan) เฉินหลง (Jackie Chan)
          ในปี 1978 เฉินหลงรับบทนักแสดงนำจากเรื่อง Snake in the Eagle's Shadow หรือไอ้หนุ่มพันมือที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี ด้วยความcomedy ที่ผสมผสานมากับศิลปะป้องกันตัว ชื่อของเฉินหลงก็ดังเป็นพลุแตกกลายเป็นดาราช่วงข้ามคืน โกยเงินอย่างมหาศาลทั้งในฮ่องกงและทั่วเอเชีย เฉินหลง เป็นนักแสดงที่มีความโดดเด่นและสร้างชื่อไปทั่วโลกกับภาพยนตร์แนว Action และจากผลงานวิ่งสู้ฟัด หรือ Police Story ทำให้เขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกง ถึง 2 รางวัล
เจ็ท ลี (Jet Li) เจ็ท ลี (Jet Li)
          เจ็ท ลี เกิดและเติบโตในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในวัยเด็กเขาได้รับการฝึกฝนวิชากังฟูและเป็นตัวแทนของจีนไปแข่งยังภูมิภาคต่างๆได้ จากนั้นในวัย 20 ปี เจ็ท ลี ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์และสร้างชื่อเสียงจากเสี่ยวลิ้มยี่ (Shaolin Temple)  และค่อยๆไต่เต้าจนมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับโลกในเวลาต่อมา
ดอนนี่เยน (Donny Yen) ดอนนี่เยน (Donny Yen)
          เป็นที่คุ้นเคยกันดีกับบทปรมาจารย์ยิปมัน แต่กว่าดอนนี่เยนจะพิสูจน์ตัวเองได้ในระดับโลกก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร ในช่วงที่ซุปเปอร์สตาร์รุ่นพี่อย่างเฉินหลงและเจ็ท ลี รับงานแสดงน้อยลง ดอนนี่ถึงมีช่วงให้โลดแล่นในวงการภาพยนตร์ให้เราเห็นกันบ่อยขึ้น
เคน วาตานาเบะ (Ken Watanabe) เคน วาตานาเบะ (Ken Watanabe)
          ผลงานแจ้งเกิดกับภาพยนตร์ The Last Samurai เคน วาตานาเบะ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นและเริ่มได้รับโอกาสให้แสดงให้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่อง ทั้ง Inception และ Godzilla เคนยังถือว่าเปนนักแสดงชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลการแสดงในเวที Tony Award อีกด้วย
อี บยอง ฮอน (Lee Byung Hun) อี บยอง ฮอน (Lee Byung Hun)
          แฟนๆภาพยนตร์แนว Action ต้องคุ้นหน้าค่าตากันบ้างกับบทสตอร์มชาโดว (Stormshadow) หนึ่งในตัวร้ายจากภาพยนตร์ G.I. Joe แต่กว่าจะถึงจุดนี้ได้ บยองฮอนต้องพิสูจน์ฝีมือการแสดงมากมายกว่าจะได้บินไกลและสร้างชื่อในฮอลลีวูด
มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh)

มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh)
          นักแสดงสาวชาวมาเลเซีย ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เริ่มแรกเธอแจ้งเกิดจากเวทีประกวดนางงามมาเลเซีย ก่อนจะเริ่มรับงานแสดงในฮ่องกง การแจ้งเกิดสู่ระดับนานาชาติครั้งแรก มิเชล โหย่ว มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดครั้งแรกในเจมส์ บอนด์ Tomorrow Never Dies และไต่เต้าความสำเร็จมาเรื่อยๆกับบทบาทดาราสาวนักบู๊
กง ลี่ (Gong Li) กง ลี่ (Gong Li)
          กง ลี่ ครองตำแหน่งราชินีแห่งวงการภาพยนตร์จีนมานับทศวรรษ และหากต้องไล่ถึงรายชื่อภาพยนตร์ที่สร้างชื่อกระฉ่อนให้เธอในวงการฮอลลีวูด เชื่อว่าลิสต์รายชื่อหนังต้องยาวเป็นหางว่าวอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดีเช่น บทอิซาเบลาจาก Miami Vice และแม่มดสุดร้ายกาจจาก Mulan 2020
เหลียงเฉาเหว่ย  (Tony leung chiu-wai) เหลียงเฉาเหว่ย  (Tony leung chiu-wai)
          ตัวร้ายที่มาแรงและสร้างความสั่นสะเทือนที่สุดในขณะนี้จากภาพยนตร์ Shang-Chi and the Legend of the Ten rings เหลียงเฉาเหว่ยก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงฮ่องกงจากการชักชวนของโจวซิงฉือ แม้จะโลดแล่นในวงการภาพยนตร์มาแสนนาน แต่สำหรับเหลียงเฉาเหว่ยแล้ว Shang-Chi นับเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกที่เขาได้ร่วมแสดงและสามารถสร้างชื่อในระดับนานาชาติได้ขนาดนี้
ซีมู หลิว (Simu Liu) ซีมู หลิว (Simu Liu)
          เป็นกระแสที่มาแรงมากๆในโลกโซเชี่ยลกับ Stock Photo และ ซีมู หลิว นักแสดงนำชายจาก Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ซีมู หลิว เกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวจีนที่ย้ายรกรากไปตั้งถิ่นฐานยังแคนาดาตั้งแต่เขาอายุ 5 ขวบ ซีมู หลิว เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกกับการถ่ายแบบ Stock Photo ที่หลายๆท่านอาจเคยเห็นหน้าค่าตามาบ้าง ก่อนจะค่อยๆพัฒนาตัวเองไปรับบทตัวประกอบในภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง จนกระทั่งปัจจุบัน Shang-Chi ทำให้ ซีมู หลิว เป็นที่รู้จักไปแล้วทั่วโลกในฐานะฮีโร่เอเชียคนแรกจากมาร์เวล
หลิว อี้ เฟย (Liu Yifei)
หลิว อี้ เฟย (Liu Yifei)
          แฟนๆชาวไทยคงคุ้นเคยกันดีกับนักแสดงสาวรายนี้ หลิว อี้ เฟย ผลงานการแสดงละครแนวพีเรียดย้อนยุคของจีนไม่ว่าเรื่องไหนเป็นอันต้องจองตัวเธอทั้งนั้น และซีรี่ย์หลายๆเรื่องยังสร้างชื่อในประเทศไทยได้ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นมังกรหยก โปเยโปโลเย หรือเซียนกระบี่พิชิตมาร ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ผลงานการแสดงของหลิว อี้ เฟยก้าวเข้าสู่สายตานานาชาติมากขึ้น และหนึ่งในบทบาทอันเป็นที่น่าจดจำที่สุดของเธอได้แก่ Mulan 2020  
จา พนม (Tony Ja) จา พนม (Tony Ja)
          ดาราไทยใช่ว่าจะไม่มี! จากองค์บาก ภาพยนตร์เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่ทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม นำแสดง สร้างความฮือฮาและเรียกความสนใจระดับนานาชาติได้ไม่น้อย ต่อมากับภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง ก็โกยรายได้รวมทั่วโลกสูงถึง 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้โทนี่ จา ของเรา มีโอกาสได้ร่วมแสดงประกบไหล่กับนักแสดงระดับโลกมากหน้าหลายตา ผลงานภาพยนตร์ที่โทนี่ จาได้ร่วมแสดงระดับฮอลลีวูดเช่น XXX: Return of Xander Cage, Fast And Furious 7, Triple Threat และ Monster Hunter 

 

ภัคสุภา  รัตนภาชน์
หล่อหลอมตัวเองด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมรอบโลก อาหาร และผู้คน  

--------------------

อ้างอิง:

logoline