Highlights
- เมื่อฮอลลีวูดเล็งเห็นตลาดใหญ่ในเอเชียที่สามารถกอบโกยเม็ดเงินได้อย่างต่ำ 1 พันล้านดอลลาร์ การปรับกลยุทธ์เพื่อชนะใจชาวเอเชียจึงได้เริ่มต้นขึ้น
- กระแส Anti-Asian ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมตะวันตก ลุกลามไปยังวงการแสดงที่ทำให้นักแสดงชาวเอเชียถูกตีกรอบและด้อยค่าเกินความเป็นจริง
- Marvel กับการเลือกนักแสดงชาวเอเชีย Shang-Chi and the Legend of the Ten rings หนังฮีโร่ที่ไม่ได้จำกัดแค่คนผิวขาวอีกต่อไป ถือเป็นก้าวใหม่ที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมหนัง
--------------------
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดภาพยนตร์ในปัจจุบันเม็ดเงินส่วนใหญ่แพร่สะพัดอยู่ในประเทศจีนเสียมากกว่า เนื่องจากจำนวนประชากรที่มีมากถึง 1.3 พันล้านคน ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในขณะนี้จึงมุ่งหน้าตีตลาดจีนเสียมากกว่า เพราะแค่เข้าฉายที่จีนแผ่นดินใหญ่ประเทศเดียว รายได้เบาะๆตีเป็นตัวเลขคร่าวๆก็เฉลี่ย1 พันล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว
พอหาตลาดในการลงทุนได้แล้ว อุตสาหกรรมหนังต้องทำอย่างไรจึงจะเจาะกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้? หากมีชาวเอเชียที่สามารถรับบทแสดงนำและเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในภาพยนตร์ฮอลลีวูด จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่าปกติหรือไม่? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราอาจเห็นกระแสดาราเอเชียมากหน้าหลายตาที่ได้รับบทบาทร่วมแสดงในฮอลลีวูด ซึ่งถือเป็นกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีขึ้นหากเทียบกับในอดีต
แต่ถึงอย่างนั้นนักแสดงชาวเอเชียกับฮอลลีวูดก็ใช่ว่าจะได้รับบทสำคัญในการดำเนินเรื่องทุกครั้งไป จนกระทั่งกระแสฮีโร่ชาวเอเชียจากภาพยนตร์ Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ได้ปลุกกระแสความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกอนาคตที่ฮีโร่ไม่ได้จำกัดอยู่กับคนผิวขาวเท่านั้น รวมถึงการเลือกใช้นักแสดงชาวเอเชียครั้งนี้ ประหนึ่งการเปิดโอกาสให้ชาวเอเชียอีกหลายคนมีความหวังในการเดินตามความฝันสู่วงการฮอลลีวูดมากขึ้น
ดาราเอเชียถูกกดทับจากวงการฮอลลีวูดแค่ไหนในอดีต?
ก่อนที่เราจะพูดกันถึงบทบาทของดาราเอเชียว่าถูกกดทับจากฮอลลีวูดแค่ไหน เราคงต้องย้อนกลับไปดูปัญหาทางวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในประเทศแถบตะวันตกเสียก่อน ในปี 1868 คำว่า Yellow Peril หรือ ภัยเหลือง ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่ออธิบายถึงความหวาดกลัวและแสดงความดูแคลนต่อชาวเอเชียที่เริ่มอพยพมาตั้งรกรากในสหรัฐมากขึ้น ความหวาดกลัวที่จะเสียสิทธิและรัฐสวัสดิการของคนขาวมีเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ การประท้วงเพื่อจำกัดจำนวนคนเอเชียเข้าประเทศบรรลุผล การจำกัดเขตที่อยู่ของชาวเอเชียก็พัฒนาจนมีกฎหมายรองรับขึ้นมา (ไชน่าทาวน์ โคเรียนทาวน์ ตามเมืองต่างๆ) จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อกองทัพจากแดนอาทิตย์อุทัยตัดสินใจทิ้งบอมบ์ฐานทัพเรือสหรัฐที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำกระแสความหวาดกลัวชาวเอเชียและฝังรากลึกลงไปในจิตใจคนขาว
ตัดภาพมาที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในฮอลลีวูด นักแสดงหญิงชาวเอเชียมักถูกตีกรอบว่าต้องรับบทโสเภณี นางแมวยั่วสวาท เด็กมีปัญหาหรือแม่บ้าน ทั้งหมดทั้งมวลเพียงเพื่อตอบสนองต่อแนวคิดของชายผิวขาวเท่านั้น ภาพจำของผู้หญิงเอเชียในฐานะวัตถุทางเพศหยั่งรากฝังลึกในวัฒนธรรมตะวันตกมาช้านาน จนส่วนหนึ่งก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมความเกลียดชังต่อผู้หญิงเอเชียมากถึง 68% จาก 3,795 เคส ตามรายงานของ Stop AAPI Hate
The USC Annenberg Inclusion Initiative ได้ลงมือศึกษาถึงความไม่เท่าเทียมจากภาพยนตร์ชื่อดัง 1,300 เรื่อง โดยจากผลการศึกษาพบว่า จากภาพยนตร์ 100 เรื่องที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปี 2019 มีเพียง 7.2 เปอร์เซ็นเท่านั้นที่ตัวดำเนินเรื่องหลักเป็นชาวเอเชีย และที่สำคัญกว่านั้นลักษณะของชาวเอเชียยังถูกตีความให้บิดเบือนจากความเป็นจริงอยู่มาก
และในยุคก่อนๆ นักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียถูกตีความและขีดกรอบครอบไว้ว่าต้องรับบทจับกัง ทำงานในสปาหรือร้านซักรีด เป็นบริกร หรือไม่ก็รับบทอันธพาลหรือปรมาจารย์กังฟู นอกจากนี้กระแสการแต่งหน้าของคนชาวให้ดูเหมือนชาวเอเชียอย่าง yellowface หรือ fox eyes ก็ถูกนำมาใช่ในวงการบันเทิงเช่นกัน แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้เมื่อหลายทศวรรษก่อนอาจเรียกความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ แต่ในปัจจุบันที่ผู้คนตระหนักรู้ถึงความเท่าเทียมมากขึ้น การแต่งหน้าเพื่อล้อเลียนเชื้อชาติแบบนี้ รับรองว่ารถทัวร์เตรียมจอดหน้าบ้านอย่างแน่นอน
กระแสดาราเอเชียในฮอลลีวูด มีทิศทางที่ดีขึ้นจากอดีตบ้างหรือไม่?
หลังจากภาพยนตร์ แบล็ค แพนเธอร์ (Black Panther) ได้โชว์ความยิ่งใหญ่สู่สายตาชาวโลกในปี 2018 ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภายนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงทั้งจากด้านรายได้และในแง่ของคำวิจารณ์ แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเห็นได้ชัดที่สุดคือการเลือกสรรนักแสดงผิวดำมาเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง นำโดย แชดวิก บอสแมน (Chadwick Boseman) ฝ่าบาทที่ครองใจแฟนหนังไปแล้วทั่วทั้งโลก นักแสดงหญิงชาวซิมบับเว-อเมริกัน ดาไน กูริรา (Danai Gurira) กับบทบาทโอโคเย องครักษ์หญิงสุดแกร่งแต่ยังแฝงไปด้วยความฮา และนางเอกสาวชาวเคนยา-เม็กซิโก ลูพีตา ญอง ( Lupita Nyong'o) การคัดสรรนักแสดงที่มีเชื้อสายแอฟริกันในนครั้งนี้ เหมือนเป็นการส่งข้อความถึงฮอลลีวูดอยู่เนืองๆว่ายังมีเรื่องราวของคนผิวดำอีกมากที่ไม่ถูกหยิบมานำเสนอสู่สาธารณะชน
“แม้ว่าฮอลลีวูดจะจำกัดความและเหมารวมไปแล้วว่าหนังของคนดำยังไงก็ไม่มีวันส่งออกสู่ระดับสากลได้ แต่แบล็ค แพนเธอร์ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ฮอลลีวูดเคลมไว้นั้นไม่เป็นความจริง” ด็อกเตอร์ แนนซี หวัง หยวน (Nancy Wang Yuen) นักสังคมวิทยากล่าว
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง มาร์เวล ดูจะมีความพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆโดยการนำเสนอภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่หยิบยกนักแสดงชาวเอเชียมาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักกับ Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นเรียกได้ว่าเกินความประทับใจ เพราะหลังจากเปิดตัวไปได้ไม่กี่วัน Shang-Chi สามารถกวาดเงินไปได้ถึง 71.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วยสร้างรายได้ให้กับโรงภาพยนตร์มากมายที่กำลังฟื้นตัวในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
นอกจากนี้ เหลียงเฉาเหว่ย กับบทตัวร้าย ซูเหวินหวู่จาก Shang-Chi ยังฟันค่าตัวไปถึง 7.7 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมากเนื่องจากเหลียงเฉาเหว่ย นับเป็นดาราฮ่องกงที่ก้าวเข้าสู่วงการหนังฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
ก้าวหน้าสู่โลกใหม่ เมื่อชาวเอเชียเริ่มเรียกร้องหาพื้นที่
แม้คำว่าความเท่าเทียมทางเชื้อชาติอาจจะยังอยู่ไม่ใกล้นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันชาวเอเชียและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเริ่มมีบทบาทในวงการฮอลลีวูดมากขึ้น เห็นได้ชัดจากการกวาดรางวัลของภาพยนตร์เกาหลีที่จิกกัดสังคมได้แสบสันอย่าง "ชนชั้นปรสิต (Parasite) “ ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture)
นักเขียนบทอย่างวิลเลียม ยู (William Yu) กล่าวว่า Shang-Chi แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนมากมาย เราสามารถเห็นตัวละครสัญชาติเอเชียที่ไม่เพียงแต่มีความเป็นฮีโร่เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าตัวละครนั้นๆมีข้อบกพร่อง ผ่านประสบการณ์มากมายที่หล่อหลอมและทำให้ตัวละครมีความซับซ้อนและน่าสนใจ" วิลเลียมยังเสริมว่า Shang-Chi ได้รื้อภาพจำของชาวเอเชียในแวดวงฮอลลีวูดไปพอสมควร
แม้ Shang-Chi จะลบล้างภาพจำความเน่าเฟะและเรื่องใต้พรมของฮอลลีวูดได้ไม่หมด แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประหนึ่งการเปิดประตูสู่โลกใหม่ในแวดวงฮอลลีวูด ซึ่งได้สร้างความหวังและส่งอิทธิพลต่อชาวเอเชียและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมากมาย
ดาราเอเชียคนไหนบ้างที่ได้บินไกลระดับอินเตอร์
บรู๊ซ ลี (Bruce Lee)
ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง ซุปเปอร์สตาร์กังฟูที่กรุยทางและสร้างความนิยมให้กับศิลปะการป้องกันตัวไปทั่วโลกตะวันตก บรู๊ซ ลี เริ่มด้วยการเป็นดาราหนังฮ่องกงมาตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนจะค่อยๆสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในอเมริกากับ The Big Boss ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง ที่เข้าฉายในอเมริกาปี 1972
เฉินหลง (Jackie Chan)
ในปี 1978 เฉินหลงรับบทนักแสดงนำจากเรื่อง Snake in the Eagle's Shadow หรือไอ้หนุ่มพันมือที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี ด้วยความcomedy ที่ผสมผสานมากับศิลปะป้องกันตัว ชื่อของเฉินหลงก็ดังเป็นพลุแตกกลายเป็นดาราช่วงข้ามคืน โกยเงินอย่างมหาศาลทั้งในฮ่องกงและทั่วเอเชีย เฉินหลง เป็นนักแสดงที่มีความโดดเด่นและสร้างชื่อไปทั่วโลกกับภาพยนตร์แนว Action และจากผลงานวิ่งสู้ฟัด หรือ Police Story ทำให้เขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกง ถึง 2 รางวัล
เจ็ท ลี (Jet Li)
เจ็ท ลี เกิดและเติบโตในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในวัยเด็กเขาได้รับการฝึกฝนวิชากังฟูและเป็นตัวแทนของจีนไปแข่งยังภูมิภาคต่างๆได้ จากนั้นในวัย 20 ปี เจ็ท ลี ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์และสร้างชื่อเสียงจากเสี่ยวลิ้มยี่ (Shaolin Temple) และค่อยๆไต่เต้าจนมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับโลกในเวลาต่อมา
ดอนนี่เยน (Donny Yen)
เป็นที่คุ้นเคยกันดีกับบทปรมาจารย์ยิปมัน แต่กว่าดอนนี่เยนจะพิสูจน์ตัวเองได้ในระดับโลกก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร ในช่วงที่ซุปเปอร์สตาร์รุ่นพี่อย่างเฉินหลงและเจ็ท ลี รับงานแสดงน้อยลง ดอนนี่ถึงมีช่วงให้โลดแล่นในวงการภาพยนตร์ให้เราเห็นกันบ่อยขึ้น
เคน วาตานาเบะ (Ken Watanabe)
ผลงานแจ้งเกิดกับภาพยนตร์ The Last Samurai เคน วาตานาเบะ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นและเริ่มได้รับโอกาสให้แสดงให้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่อง ทั้ง Inception และ Godzilla เคนยังถือว่าเปนนักแสดงชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลการแสดงในเวที Tony Award อีกด้วย
อี บยอง ฮอน (Lee Byung Hun)
แฟนๆภาพยนตร์แนว Action ต้องคุ้นหน้าค่าตากันบ้างกับบทสตอร์มชาโดว (Stormshadow) หนึ่งในตัวร้ายจากภาพยนตร์ G.I. Joe แต่กว่าจะถึงจุดนี้ได้ บยองฮอนต้องพิสูจน์ฝีมือการแสดงมากมายกว่าจะได้บินไกลและสร้างชื่อในฮอลลีวูด
มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh)
นักแสดงสาวชาวมาเลเซีย ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เริ่มแรกเธอแจ้งเกิดจากเวทีประกวดนางงามมาเลเซีย ก่อนจะเริ่มรับงานแสดงในฮ่องกง การแจ้งเกิดสู่ระดับนานาชาติครั้งแรก มิเชล โหย่ว มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดครั้งแรกในเจมส์ บอนด์ Tomorrow Never Dies และไต่เต้าความสำเร็จมาเรื่อยๆกับบทบาทดาราสาวนักบู๊
กง ลี่ (Gong Li)
กง ลี่ ครองตำแหน่งราชินีแห่งวงการภาพยนตร์จีนมานับทศวรรษ และหากต้องไล่ถึงรายชื่อภาพยนตร์ที่สร้างชื่อกระฉ่อนให้เธอในวงการฮอลลีวูด เชื่อว่าลิสต์รายชื่อหนังต้องยาวเป็นหางว่าวอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดีเช่น บทอิซาเบลาจาก Miami Vice และแม่มดสุดร้ายกาจจาก Mulan 2020
เหลียงเฉาเหว่ย (Tony leung chiu-wai)
ตัวร้ายที่มาแรงและสร้างความสั่นสะเทือนที่สุดในขณะนี้จากภาพยนตร์ Shang-Chi and the Legend of the Ten rings เหลียงเฉาเหว่ยก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงฮ่องกงจากการชักชวนของโจวซิงฉือ แม้จะโลดแล่นในวงการภาพยนตร์มาแสนนาน แต่สำหรับเหลียงเฉาเหว่ยแล้ว Shang-Chi นับเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกที่เขาได้ร่วมแสดงและสามารถสร้างชื่อในระดับนานาชาติได้ขนาดนี้
ซีมู หลิว (Simu Liu)
เป็นกระแสที่มาแรงมากๆในโลกโซเชี่ยลกับ Stock Photo และ ซีมู หลิว นักแสดงนำชายจาก Shang-Chi and the Legend of the Ten rings ซีมู หลิว เกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวจีนที่ย้ายรกรากไปตั้งถิ่นฐานยังแคนาดาตั้งแต่เขาอายุ 5 ขวบ ซีมู หลิว เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกกับการถ่ายแบบ Stock Photo ที่หลายๆท่านอาจเคยเห็นหน้าค่าตามาบ้าง ก่อนจะค่อยๆพัฒนาตัวเองไปรับบทตัวประกอบในภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง จนกระทั่งปัจจุบัน Shang-Chi ทำให้ ซีมู หลิว เป็นที่รู้จักไปแล้วทั่วโลกในฐานะฮีโร่เอเชียคนแรกจากมาร์เวล
หลิว อี้ เฟย (Liu Yifei)
แฟนๆชาวไทยคงคุ้นเคยกันดีกับนักแสดงสาวรายนี้ หลิว อี้ เฟย ผลงานการแสดงละครแนวพีเรียดย้อนยุคของจีนไม่ว่าเรื่องไหนเป็นอันต้องจองตัวเธอทั้งนั้น และซีรี่ย์หลายๆเรื่องยังสร้างชื่อในประเทศไทยได้ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นมังกรหยก โปเยโปโลเย หรือเซียนกระบี่พิชิตมาร ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ผลงานการแสดงของหลิว อี้ เฟยก้าวเข้าสู่สายตานานาชาติมากขึ้น และหนึ่งในบทบาทอันเป็นที่น่าจดจำที่สุดของเธอได้แก่ Mulan 2020
จา พนม (Tony Ja)
ดาราไทยใช่ว่าจะไม่มี! จากองค์บาก ภาพยนตร์เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่ทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม นำแสดง สร้างความฮือฮาและเรียกความสนใจระดับนานาชาติได้ไม่น้อย ต่อมากับภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง ก็โกยรายได้รวมทั่วโลกสูงถึง 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้โทนี่ จา ของเรา มีโอกาสได้ร่วมแสดงประกบไหล่กับนักแสดงระดับโลกมากหน้าหลายตา ผลงานภาพยนตร์ที่โทนี่ จาได้ร่วมแสดงระดับฮอลลีวูดเช่น XXX: Return of Xander Cage, Fast And Furious 7, Triple Threat และ Monster Hunter
ภัคสุภา รัตนภาชน์
หล่อหลอมตัวเองด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมรอบโลก อาหาร และผู้คน
--------------------
อ้างอิง: