
12 มกราคม 2566 คณะผู้บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) นำโดย "นายฉาย บุนนาค" ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ร่วมกันเปิดตัว "Nation Way" คู่มือ หลักจริยธรรมและแนวปฏิบัติของคนข่าวเครือเนชั่น ซึ่งได้ดำเนินการจัดพิมพ์เป็นครั้งที่สอง เมื่อปี พ.ศ.2565 (ฉบับปรับปรุง)
ทั้งนี้ "นายฉาย บุนนาค" ระบุว่า "Nation Way" คู่มือหลักจริยธรรม และแนวปฏิบัติของคนข่าวเครือเนชั่น โดย The Nation ก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2514 ด้วยปณิธานที่ต้องการช่วยพัฒนา และนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญา
ท่ามกลางภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ เราได้ปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายเพื่อให้ทุกข่าวสารมีคุณค่า และเข้าถึงประชาชนมากที่สุด
กระทั่งปัจจุบัน "เนชั่น กรุ๊ป" เป็นองค์กรที่มีสื่อในเครือมากถึง 10 สื่อ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องมีกรอบจริยธรรมในการทำงาน เพื่อตอกย้ำความเป็น "สถาบันสื่อ มืออาชีพ" สิ่งที่พิสูจน์ได้ถึงความเป็นสถาบันสื่อมืออาชีพของเครือเนชั่นคือ "ความน่าเชื่อถือ" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงอยู่ของสื่อ และคุณค่าที่คนทำอาชีพพึงหวงแหน
คนข่าวเนชั่น ได้ยึดหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน อันเป็นประเพณีปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัด และยืนหยัดในการทำหน้าที่อย่างแน่วแน่ โดยไม่ละทิ้งหลักการ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สื่อต่างๆ ในเครือเนชั่น และผู้ปฏิบัติงาน ได้รับความเชื่อถือ และศรัทธาจากสังคมมาอย่างต่อเนื่อง
"Nation Way" หลักจริยธรรมของคนข่าวเครือเนชั่น ที่จัดทำขึ้นตั้งแต่ปี 2554 เพื่อเป็นแนวปฏิบัติอันเป็นรูปธรรมร่วมกัน สำหรับพนักงานทุกระดับ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งจรรยาบรรณ การวางตัวในสังคม การประพฤติตนทั้งในระหว่างปฏิบัติหน้าที่และนอกเวลางาน
กระทั่งในปัจจุบัน ปี 2565 เทคโนโลยีการสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปสำนักข่าวเกิดขึ้นมากมายนำมาซึ่งความสับสนของสังคม"แบบไหน คือ นักข่าว ที่ควรจะเป็น" จึงได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหา แนวปฏิบัติในการนำเสนอข่าวด้านต่างๆ อย่างละเอียด และครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มสื่อใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการนิยามแยกให้เห็นระหว่าง "Reporter" และ "Content Creator" เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และตระหนักให้ทุกคนภูมิใจในฐานะ "ผู้สื่อข่าว" อันมีเป้าหมายอยู่ที่คุณค่าของข่าว และค้นหาข้อเท็จจริง เพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเป็นธรรมเพื่อดำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ และศรัทธาที่สังคมมีต่อสื่อเครือเนชั่น หลักจริยธรรม "Nation Way" จะเป็นพันธสัญญาแห่งวิชาชีพต่อสังคม ที่สื่อเครือเนชั่น พนักงานทุกระดับ จะยึดถือ และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
สำหรับ "Nation Way" ได้มีการจัดทำเป็นหมวดหมู่ 13 หมวด จำนวนวน 80 หน้า ได้แก่
หมวดที่ 1 ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน
หมวดที่ 2 จริยธรรมของสื่อในเครือเนชั่น
หมวดที่ 3 ความรับผิดชอบต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง และผู้ชม
หมวดที่ 4 ภาระผูกพันที่มีต่อวิชาชีพสื่อมวลชน และองค์กร
หมวดที่ 5 หลักการทำข่าว และการปฏิบัติตนต่อแหล่งข่าว
5.1 ผู้สื่อข่าวต้องเคารพต่อกฎหมาย
5.2 การสร้างความสัมพันธ์กับแหล่งข่าว
5.3 การอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ
5.4 ความสัมพันธ์ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง
5.5 การเป็น "นักเขียนร่วม" หรือ "นักเขียนเงา"
หมวดที่ 6 สิทธิพิเศษ และผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest)
6.1 การรับเชิญไปทำข่าวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ
6.2 งานเลี้ยงสังสรรค์ และการเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ
6.3 การรับของขวัญที่มีมูลค่า
6.4 การแสดง หรือการแข่งขันที่ต้องเสียค่าบัตรผ่านประตู
6.5 ไม่รับสิทธิพิเศษเป็นสมาชิกสโมสร หรือองค์กรต่างๆ
6.6 ไม่รับข้อเสนอให้ค่าตอบแทน หรือสิทธิพิเศษใดๆ เพื่อการทำข่าว
6.7 การขอยืมอุปกรณ์ หรือมีผู้เสนอให้ทดลอง หรือยืมใช้
6.8 การเขียนคำชมสินค้า หรือบริการ
6.9 การแข่งขันกับผู้สื่อข่าวจากองค์กรอื่นๆ
6.10 ไม่พยายามรวมกลุ่มทำข่าวกับสื่ออื่นๆ โดยไม่จำเป็น
6.11 การส่งผลงานเข้าแข่งขันชิงรางวัล และการประกวด
6.12 หลีกเลี่ยงการอ้างอิงบริษัท เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษ
6.13 ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล
หมวดที่ 7 แนวทางปฏิบัติเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมือง และกิจกรรมชุมชน
7.1 กิจกรรมทางด้านการเมือง
7.2 กิจกรรมชุมชน และกิจกรรมทางสังคม
หมวดที่ 8 การปฏิบัติต่อฝ่ายโฆษณา ฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย
หมวดที่ 9 การรายงานข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมของบริษัท และการรายงานเกี่ยวกับองค์กรสื่อภายนอก
หมวดที่ 10 แนวทางปฏิบัติเรื่องลิขสิทธิ์ในชิ้นงาน และการรับงานนอก
10.1 การเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
10.2 การรับเชิญไปเป็นวิทยากรให้องค์กรอื่นๆ
10.3 การรับเชิญไปเป็นกรรมการ กรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษา
10.4 การรับงานนอก
10.5 การไปปรากฏตัวในสื่ออื่นๆ
หมวดที่ 11 แนวปฏิบัติในการนำเสนอข่าว ภาพข่าว สำหรับผู้สื่อข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านข่าว
11.1 การเสนอข่าว ภาพข่าว ผู้กระทำความผิดในคดีอาญา
11.2 การเสนอข่าว ภาพข่าว การฆ่าตัวตาย
11.3 การเสนอข่าว ภาพข่าว ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
11.4 การเสนอข่าว ภาพข่าว เกี่ยวกับเด็ก และเยาวชน
11.5 การเสนอข่าว ภาพข่าว เกี่ยวกับผู้หญิง
11.6 การเสนอข่าว ภาพข่าว เกี่ยวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ และสถานะทางเพศ
11.7 การเสนอข่าว ภาพข่าว ความเชื่อทางไสยศาสตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ ตัวเลข สลากพนัน
11.8 การเสนอข่าว ภาพข่าว กีฬา
หมวดที่ 12 หลักปฏิบัติ และจรรยาบรรณสื่อดิจิทัลทุกแพลตฟอร์ม(Nation Social Media)
หมวดที่ 13 การแก้ไขข้อผิดพลาด
หมวดที่ 1 ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน
ในข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน หลักปฏิบัติ และจรรยาบรรณฉบับนี้
"สื่อมวลชน" หมายถึง สื่อหรือช่องทางที่ผลิต เผยแพร่ นำข่าวสาร สาร หรือเนื้อหาสาระทุกประเภทไปสู่ประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อดิจิทัล หรือในรูปแบบอื่นใดที่สามารถสื่อความหมายให้ประชาชนทราบได้เป็นการทั่วไป ทั้งนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบทางกฎหมาย และสามารถกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
"สื่อดิจิทัล" หมายถึง สื่อมวลชนที่อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่ประชาชน
"ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน" หมายถึง บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพ ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสื่อสารมวลชน และเป็นสมาชิกขององค์กรสภาวิชาชีพ
"Content Creator" หมายถึง ผู้สร้างสรรค์ และผลิตเนื้อหาบนสื่อต่างๆ เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้ติดตาม บนทุกแพลตฟอร์ม
"จริยธรรมสื่อมวลชน" หมายถึง การประพฤติปฏิบัติทางวิชาชีพสื่อมวลชนที่สังคมยอมรับ หรือหมายถึงการปฏิบัติตามหลักการจรรยาบรรณของสื่อในเครือเนชั่น
"Social Media" หรือ "สื่อสังคมออนไลน์" หมายถึงช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ และโปรแกรมประยุกต์บนสื่อใดๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ใช้สามารถสื่อสารเนื้อหา อาทิ Twitter, Facebook, YouTube, TikTok, Blockdit, Blog, Line, WhatsApp, Instagram และสื่อสังคมออนไลน์ใหม่ๆ ที่จะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นในอนาคต
"ประเด็นสาธารณะ" หมายความว่า ข้อเท็จจริง หรือสาระสำคัญที่ประชาชน มีความชอบธรรมที่จะแสดงความคิดเห็น หรือสาธารณชนสมควรรับรู้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ
"ประโยชน์สาธารณะ" หมายความว่า สิ่งที่เป็นผลดี หรือเป็นคุณต่อสาธารณชนเพื่อให้ผู้สื่อข่าวผู้ปฏิบัติงานข่าว Content Creator ผู้ประกาศ ผู้ดำเนินรายการ ทุกแพลตฟอร์ม ช่างภาพ ฝ่ายผลิต และฝ่ายอื่นๆ ในกองบรรณาธิการของทุกสื่อในเครือเนชั่นมีมาตรฐานทางด้านจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และเพื่อธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ และความรับผิดชอบของเครือเนชั่น ที่มีต่อสังคมจึงกำหนดข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพของสื่อในเครือเนชั่นดังนี้
1.1 ต้องไม่ประพฤติ หรือปฏิบัติการใดๆ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
1.2 ต้องไม่อวดอ้าง หรืออาศัยตำแหน่งหน้าที่ เพื่อเรียกร้องสิทธิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่ชอบธรรม
1.3 ต้องละเว้นการรับอามิสสินจ้าง หรือผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้กระทำการ หรือไม่กระทำการใด อันจะขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องรอบด้าน
1.4 ละเว้นการรับอภิสิทธิ์ หรือตำแหน่ง หรือการตอบแทนในรูปแบบใดๆ เพื่อให้กระทำการ หรือไม่กระทำการใดอันจะขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องรอบด้าน
1.5 การเสนอข่าว และภาพข่าวของสื่อในเครือเนชั่น พึงตระหนักถึงความสำคัญของข่าว และภาพข่าวต่อสาธารณชนไม่เสนอข่าวหรือภาพข่าวในทำนองชวนเชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
1.6 ต้องใช้วิธีที่สุภาพ และสุจริตในการหาข้อมูลข่าวสาร รวมถึงภาพต่างๆ
1.7 การแสดงความคิดเห็นใดๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของบทความ ความคิดเห็น หรือบทวิเคราะห์พึงกระทำโดยบริสุทธิ์ใจและไม่มีพันธกรณีอื่นใด นอกจากมุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อสาธารณชน โดยไม่ยอมให้อิทธิพล หรือผลประโยชน์อื่นใดมาครอบงำความคิดเห็น
1.8 ละเว้นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีที่พิสูจน์ได้ว่ากระทำไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ
1.9 เสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง และรอบคอบ ให้อยู่ในขอบเขตของศีลธรรม และวัฒนธรรม พึงระวังไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของการเผยแพร่ข้อมูล หรือประกาศโฆษณาที่น่าสงสัยว่าจะเป็นภัยแก่สังคม หรือสาธารณชน
1.10 หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ประกาศ หรือโฆษณาที่มีเหตุให้น่าเชื่อว่าเจ้าของประกาศโฆษณานั้น มีเจตนาทำให้ผู้อ่าน หลงเชื่อในสิ่งที่งมงาย
1.11 ภาษาที่ใช้ในข่าวบทความ ความเห็น หรือบทวิเคราะห์ พึงหลีกเลี่ยงคำไม่สุภาพ มีความหมายเหยียดหยาม สร้างความรู้สึกเกลียดชัง หรือความรู้สึกแตกแยกในสังคม
หมวดที่ 2 จริยธรรมของสื่อในเครือเนชั่น
ในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกสื่อในเครือเนชั่น ต้องยึดข้อบังคับต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด
2.1 การรายงานข่าวต้องเสนอเฉพาะข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนรอบด้าน และต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อนลงข่าวผู้สื่อข่าวตลอดจนบรรณาธิการข่าวที่เกี่ยวข้อง ต้องแสดงความพยายามในการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
2.2 การพาดหัวข่าว และโปรยต้องไม่ใช้คำพูดจนเกินจากข้อเท็จจริงในข่าว
2.3 ข่าวทุกเรื่องต้องนำเสนอเพื่อประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลักสำคัญ ห้ามใช้เป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน หรือหมู่คณะ
2.4 ต้องไม่แต่งเติมเนื้อหาสาระของข่าวจนคลาดเคลื่อน หรือเกินเลยจากความเป็นจริง และทุกภาพที่จะตีพิมพ์ หรือออกอากาศต้องเป็นภาพที่ได้จากสถานที่จริง หรือเหตุการณ์จริงเท่านั้น จะเป็นภาพที่มีการตัดต่อ ต่อเติม หรือตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำด้วยมือ หรือกระบวนการคอมพิวเตอร์กราฟิกใดๆ ไม่ได้โดยเด็ดขาด
2.5 ไม่เสนอข่าวหรือภาพ ด้วยความลำเอียง หรือมีอคติส่วนตนเป็นที่ตั้ง หรือแอบแฝง
2.6 ต้องไม่สอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัวลงในข่าว
2.7 การเสนอข่าว หรือภาพที่มีการพาดพิงอันอาจเกิดความเสียหายแก่บุคคล คณะบุคคล หรือองค์กรใดๆ ต้องพยายามให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ได้มีโอกาสชี้แจง และแสดงข้อเท็จจริงด้วย
2.8 ต้องไม่เสนอข่าวอย่างเลื่อนลอยปราศจากแหล่งที่มาชัดเจนข่าวลือ หรือข่าวจากแผ่นปลิว พึงระบุชื่อบุคคลที่ให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลอย่างเปิดเผย เว้นแต่จะมีเหตุอันควรปกปิดเพื่อสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของแหล่งข่าว และต้องเป็นประโยชน์ต่อสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของสาธารณชน
2.9 ต้องปกปิดชื่อ และฐานะของบุคคลที่ให้ข่าวไว้เป็นความลับ หากได้ให้คำมั่นแก่แหล่งข่าวนั้นไว้เช่นเดียวกับการต้องปกปิดชื่อจริงของผู้ใช้ "นามปากกา" หรือ "นามแฝง" ในงานเขียน หรือรายงานด้วย
2.10 ในการเสนอข่าวหรือภาพใดๆ ต้องหลีกเลี่ยงการล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องให้ความคุ้มครองอย่างเคร่งครัดต่อสิทธิมนุษยชนของเด็กสตรี กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส
2.11 ต้องไม่เสนอภาพที่อุจาด ลามก อนาจาร น่าหวาดเสียว ละเมิดศีลธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคม
2.12 ในการแสดงความคิดเห็น หรือการวิพากษ์วิจารณ์ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิง และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเท่าเทียมกัน
2.13 ข้อความที่เป็นประกาศโฆษณาที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ เพจ หรือที่ออกอากาศต้องแสดงให้เห็นชัดว่าเป็นพื้นที่โฆษณา จะแอบแฝงเป็นการเสนอข่าว หรือความคิดเห็นมิได้
2.14 พึงระมัดระวัง ข้อความที่เป็นประกาศ โฆษณา ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ เพจ หรือที่ออกอากาศ เป็นโฆษณาแอบแฝงในการนำเสนอข่าว
2.15 เมื่อคัดลอกข้อความใดจากหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ เพจ โซเชียลมีเดีย หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ต้องบอกที่มาของข้อความนั้น
2.16 การเสนอข่าวต้องไม่เป็นการซ้ำเติมความทุกข์หรือโศกนาฏกรรม อันเกิดแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ หรือผู้เสียหาย
2.17 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับศาสนา หรือมีผลถึงลัทธิความเชื่อของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างถี่ถ้วนก่อนลงข่าว หากไม่สามารถกระทำได้พึงงดเว้นการเสนอข่าวนั้น
2.18 เมื่อมีการเสนอข่าวผิดพลาด ต้องแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว โดยไม่ชักช้า
หมวดที่ 3 ความรับผิดชอบต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง และผู้ชม
หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของสื่อในเครือเนชั่นคือ หน้าที่ต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง และผู้ชม เพราะฉะนั้นต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้ชมและสังคมเป็นหลัก ด้วยการรายงานข่าวด้วยความเป็นธรรม และด้วยความรับผิดชอบ ผู้สื่อข่าวทุกคนจะต้องรายงานข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ได้รับมา และหากมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นต้องแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นทันที
สื่อในเครือเนชั่น มีหน้าที่โดยวิชาชีพที่จะต้องนำเสนอข่าวสารข้อมูลเพื่อประโยชน์ของผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้ชม เป็นหลักต้องไม่ใช้สถานภาพของการเป็นผู้สื่อข่าวแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง หรือผู้อื่นโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวคนใดตั้งใจเขียน หรือรายงานข่าวที่ไม่จริงถือว่า ไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้ชม และต่อวิชาชีพถือเป็นความผิดที่จะต้องได้รับโทษทางวินัยตามข้อบังคับของบริษัท
นอกจากนั้นในการปฏิบัติตัวต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง และผู้ชมทุกคนจะต้องเป็นไปอย่างสุภาพอ่อนน้อม รายงานข่าวด้วยความโปร่งใสเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ไม่ละเลยความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะที่ส่งมายังกองบรรณาธิการ ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย โทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ฯลฯ และควรมีการตอบรับอย่างเหมาะสม และทันท่วงที
หมวดที่ 4 ภาระผูกพันที่มีต่อวิชาชีพสื่อมวลชน และองค์กร
ชื่อเสียงของสื่อทุกประเภทในเครือเนชั่น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีใครมีสิทธินำชื่อเสียงของเครือเนชั่น ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
พนักงานของเครือเนชั่น ทุกคนโดยเฉพาะสื่อต้องไม่ใช้สิทธิพิเศษเพื่อการใดๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานตามขอบเขตที่ได้รับมอบหมายจากกองบรรณาธิการ รวมถึงไม่ควรใช้บัตรพนักงาน หรือบัตรนักข่าวไปเรียกร้องขอสิทธิพิเศษใดๆ จากองค์กรหน่วยงาน
หรือบริษัทต่างๆ
หมวดที่ 5 หลักการทำข่าว และการปฏิบัติตนต่อแหล่งข่าว
สื่อในเครือเนชั่น ควรปฏิบัติต่อแหล่งข่าวเป็นมาตรฐานเดียวกัน และด้วยความเปิดเผย เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อผู้อ่านผู้สื่อข่าวจะไม่นำเสนอข่าวที่เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลใดๆ โดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ต้องไม่แสดงอาการ หรือคำพูดข่มขู่ หากแหล่งข่าวไม่ต้องการให้ข้อมูล ไม่ให้คำสัญญาว่าจะเขียนข่าวให้ หากได้รับความร่วมมือจากแหล่งข่าว หรือให้คำสัญญาใดๆ ว่าจะลงข่าวเมื่อไร รวมทั้งไม่ให้แหล่งข่าวตรวจดูต้นฉบับ ตลอดจนไม่จ่ายค่าตอบแทนให้แหล่งข่าวสำหรับการสัมภาษณ์ใดๆ
ผู้สื่อข่าวควรแนะนำตัวให้ชัดเจนแก่ผู้ที่ให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การสัมภาษณ์ผ่านระบบออนไลน์ทุกรูปแบบ หรือการสัมภาษณ์ผ่านทางอีเมล
ระหว่างทำข่าว ผู้สื่อข่าวไม่ควรแอบอ้างว่าเป็นบุคคลที่มีอาชีพอื่น เช่น อ้างว่าเป็นตำรวจ ทนายความ นายแพทย์ นักธุรกิจ หรืออาชีพใดก็ตาม ยกเว้นหากเป็นกรณีจำเป็น กรณีการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของผู้สื่อข่าว แต่ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบหลังจากนั้น
5.1 ผู้สื่อข่าวต้องเคารพต่อกฎหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่ผู้สื่อข่าวต้องเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายเพื่อให้ได้ข้อมูล เช่น บุกรุกเข้าไปในอาคาร หรือที่พักอาศัยของผู้อื่น การขโมยข้อมูลเอกสาร หรือทรัพย์สินอื่นๆ รวมทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ฐานข้อมูลอีเมล และข้อมูลเสียง ห้ามดักฟังโทรศัพท์ ขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ หรือแอบฟังการสนทนาของแหล่งข่าว
5.2 การสร้างความสัมพันธ์กับแหล่งข่าว
การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแหล่งข่าว เป็นสิ่งจำเป็นถือเป็นทักษะที่ผู้สื่อข่าวจะต้องฝึกฝนแต่ต้องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และรักษาความเที่ยงธรรมต่อทุกฝ่ายเสมอ
ขณะที่ต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแหล่งข่าว ผู้สื่อข่าวต้องมีวินัยในตัวเองอย่างมาก ที่จะรักษาระยะห่างกับแหล่งข่าวให้เหมาะสมไปพร้อมกันด้วย
การไปรับประทานอาหาร หรือร่วมงานสังสรรค์กับแหล่งข่าว สามารถกระทำได้ในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่โดยตรงได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา หรือบรรณาธิการแต่พึงวางตัวให้เหมาะสมไม่เสนอแนะ หรือเรียกร้องในสิ่งที่เกินความพอดี
การอยู่กับแหล่งข่าวสองต่อสองในที่รโหฐาน หรือที่ลับตาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยที่อาจถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือล่วงเกินทางเพศด้วย
หากผู้สื่อข่าวรู้สึกว่าตัวเองมีความใกล้ชิดกับแหล่งข่าว รวมถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวต้องทำข่าวที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง หรือผู้ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง ควรปรึกษาบรรณาธิการ หรือหัวหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการทำข่าวนั้น หากจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งข่าวประเภทนี้ โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรแจ้งให้บรรณาธิการข่าวทราบ
ในทางกลับกันเพื่อรักษาความไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หากบรรณาธิการข่าวเล็งเห็นว่าผู้สื่อข่าวคนใดมีความใกล้ชิดกับแหล่งข่าวมากเกินขีดความสัมพันธ์ระหว่างผู้สื่อข่าว กับแหล่งข่าวบรรณาธิการข่าว ควรตักเตือนโดยอธิบายถึงนโยบายที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดขององค์กรให้ผู้สื่อข่าวทราบอย่างชัดเจน
5.3 การอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ
ในการรายงานข่าวที่มีความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพของแหล่งข่าว หรือในกรณีที่แหล่งข่าวไม่ประสงค์ให้เปิดเผยชื่อผู้สื่อข่าวพึงระวัง และปกปิดแหล่งข่าวจากผู้สอบถาม ยกเว้นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือบรรณาธิการข่าว มีสิทธิ์ขอให้ผู้สื่อข่าวเปิดเผยแหล่งข่าวได้ในกรณีจำเป็นแต่ต้องช่วยรักษาชื่อตำแหน่ง และข้อมูลของแหล่งข่าวเป็นความลับ
บรรณาธิการข่าวสามารถสงวนสิทธิ์ไม่ลงข่าวของผู้สื่อข่าวที่ปฏิเสธการเปิดเผยชื่อแหล่งข่าวในกรณีที่มีข้อสงสัยถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูล และแหล่งข่าว
การปกปิดแหล่งข่าวด้วยเหตุผลทางด้านสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของแหล่งข่าวถือเป็นหน้าที่สำคัญของผู้สื่อข่าวเพื่อสร้างความมั่นใจ และความศรัทธาให้กับแหล่งข่าวต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อในเครือ
5.4 ความสัมพันธ์ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวไม่ควรเขียนข่าว ถ่ายภาพ หรือตัดสินใจด้านข่าวเกี่ยวกับบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตน เช่น บิดา มารดา บุตรธิดา คู่สมรส พี่ น้อง รวมถึงเพื่อนสนิท หากได้รับมอบหมายให้ทำข่าวเกี่ยวกับบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดดังกล่าว ผู้สื่อข่าว ควรปรึกษากับบรรณาธิการเพื่อมอบหมายให้ผู้สื่อข่าวคนอื่นทำข่าวแทน
5.5 การเป็น "นักเขียนร่วม" หรือ "นักเขียนเงา"
ในที่นี้หมายถึง ผู้สื่อข่าวไม่ควรเป็นนักเขียนร่วม หรือนักเขียนเงา (Ghost writer) ให้กับบุคคล หรือองค์กรอื่นนอกสังกัด หากจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการเท่านั้น
หมวดที่ 6 สิทธิพิเศษ และผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest)
6.1 การรับเชิญไปทำข่าวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ
เนื่องด้วยงานสื่อมวลชนสัมพันธ์ขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนในปัจจุบัน มีการเชิญสื่อมวลชนไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เพื่อทำข่าวการแสดงสินค้า นิทรรศการ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ขององค์กรผู้เชิญ ตลอดจนการแถลงข่าวควบคู่ทัศนาจร
ผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือบรรณาธิการจะเป็นผู้ตัดสินใจ และมอบหมายให้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปทำข่าว หรือสารคดีทั้งใน และนอกประเทศ ตามคำเชิญของแหล่งข่าวตามความเหมาะสม ผู้สื่อข่าวไม่สามารถตกลงรับเชิญเองได้
ผู้สื่อข่าวจะเรียกร้องขอร้อง หรือตั้งเงื่อนไขใดเพื่อให้องค์กรบริษัท หรือหน่วยงานภายนอก ส่งคำเชิญมาที่ตัวเองไม่ได้โดยเด็ดขาด หรือเก็บหมายงานไว้จนใกล้วันเดินทางแล้วจึงค่อยแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้รับเลือกไปหรือในทางกลับกันหัวหน้า หรือบรรณาธิการเรียกร้องหรือถือสิทธิในการรับเชิญหมาย ทั้งที่ควรเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหมาะสมกว่าไป โดยไม่มีเหตุอันควรถือเป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาดเช่นกัน
กรณีการรับหมายเชิญไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ แต่ละกองบรรณาธิการควรมีคณะกรรมการพิจารณา และจัดสรรผู้ที่ได้รับมอบหมายในแต่ละครั้งเพื่อความโปร่งใสเหมาะสม และเป็นการไม่ให้เกิดการผูกขาดการรับเชิญ โดยผู้สื่อข่าวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสายข่าวใดสายข่าวหนึ่ง
นอกจากนี้การรับเชิญควรมีจดหมายตอบรับอย่างเป็นทางการจากกองบรรณาธิการทุกครั้ง โดยมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่าจะไม่มีข้อผูกมัดใดๆ หรือคำมั่นสัญญาใดๆ กับผู้เชิญว่านักข่าวต้องกลับมาเขียนรายงาน หรือข่าวให้ในภายหลัง
ในการเดินทางไปทำข่าวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ซึ่งหน่วยงานผู้เชิญมักรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าพาหนะ ค่าที่พักและค่าอาหารตลอดการเดินทาง ผู้สื่อข่าว ต้องรักษาไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าว โดยไม่นำเรื่องการรับเชิญไปทำข่าวในประเทศ และต่างประเทศเป็นเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน ต้องไม่รับ ไม่เรียกร้องค่าตอบแทน หรือสิ่งมีค่าอื่นใดจากองค์กรผู้เชิญซึ่งได้ออกค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางให้อยู่แล้ว
กรณีบริษัท จ่ายเบี้ยเลี้ยงการเดินทางให้ผู้ปฏิบัติงานข่าว เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ และต่างประเทศ ต้องแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานข่าวไม่รับค่าตอบแทนที่ซ้ำซ้อนกับองค์กรผู้เชิญอีก
ในกรณีที่องค์กรสมาชิกไม่ได้จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้ผู้ปฏิบัติงานข่าว ผู้ปฏิบัติงานข่าวควรใช้ดุลยพินิจในการรับค่าตอบแทนกรณีองค์กรผู้เชิญจ่ายเป็นค่าอาหารบางมื้อที่ไม่ได้มีการรับรอง ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินความเหมาะสม
ในกรณีที่มีการรายงานข่าว หรือบทความสืบเนื่องจากหมายที่ได้รับเชิญจากแหล่งข่าว ในรายงานข่าวควรระบุให้ชัดเจนไว้ท้ายบทความ หรือรายงานชิ้นนั้นว่า ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากที่ใด หรือใครเป็นผู้จัดการเดินทางครั้งนั้น ให้ผู้อ่าน ผู้ฟัง หรือผู้ชมทราบด้วย
6.2 งานเลี้ยงสังสรรค์ และการเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ
ผู้สื่อข่าวสามารถไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยแหล่งข่าว หรือบริษัท ห้างร้านต่างๆ เฉพาะในกรณีที่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ไม่ควรไปร่วมงานเพราะความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับผู้จัดงาน หรือโดยไม่ได้รับเชิญ
ควรหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชน (Thank you press party) ยกเว้นในกรณีที่เกี่ยวพันกับการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น เช่นเดียวกับการไปร่วมงานวันเกิด หรืองานฉลองในโอกาสต่างๆ ที่นักการเมือง หรือนักธุรกิจจัดขึ้น
ในกรณีที่เป็นงานเลี้ยงที่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองจัดขึ้นในต่างจังหวัด กองบรรณาธิการควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ของนักข่าว เช่น ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร และเบี้ยเลี้ยงในการเดินทางไปร่วมงานนั้นเองทั้งหมด
ในกรณีที่ไปร่วมงานดังกล่าวข้างต้น นักข่าวต้องวางตัวให้เหมาะสม และไม่เรียกร้องใดๆ เป็นกรณีพิเศษ และจะต้องไม่ร่วมกิจกรรมที่อาจขัดต่อจริยธรรม หรือแนวปฏิบัติของกองบรรณาธิการ เช่น การร่วมจับฉลากของรางวัลขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมร้องเพลง หรือขึ้นเวทีกล่าวคำอวยพรเจ้าของงาน
6.3 การรับของขวัญที่มีมูลค่า
ผู้สื่อข่าวไม่ควรรับของขวัญที่มีมูลค่าสูง เรียกร้องการยกเว้นค่าที่พักบริการ ขอลดราคา หรือขอซื้อสินค้าราคาพิเศษรวมถึงสิทธิพิเศษอื่นใดที่ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับ เว้นแต่เป็นการให้ตามประเพณีนิยม ทั้งนี้หากมูลค่าของขวัญที่ได้รับเกิน 3,000 บาท ให้ส่งมอบของให้ฝ่ายบุคคลเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ของบริษัทต่อไป
หากเป็นของชำร่วยที่แจกตามงานแถลงข่าวที่มีมูลค่าไม่สูง (ของ Premium) เช่น พวงกุญแจ ที่ใส่ดินสอ ปฏิทิน และอื่นๆ อาจรับไว้ได้ที่สำคัญคือ ต้องใช้วิจารณญาณ และสามัญสำนึกของการเป็นสื่อมวลชนที่ต้องทำหน้าที่เพื่อสังคมมากกว่าเพื่อประโยชน์ส่วนตน
ตัวอย่างที่ 1 ผู้บริหารของบริษัทมือถือรายหนึ่งมอบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจำนวน 4 เครื่องให้ผู้สื่อข่าวที่เข้าร่วมทัศนศึกษาเทคโนโลยีมือถือ โดยกล่าวว่าให้ลองไปใช้ดูแต่แท้ที่จริงหวังจะให้เป็นของขวัญ และต้องการซื้อใจ
ในกรณีเช่นนี้ ผู้สื่อข่าวต้องปฏิเสธการรับของนั้นโดยใช้คำพูดที่สุภาพ หรือหลังจากนั้นรางวัลที่มีมูลค่าสูงจะต้องถูกส่งคืนไปยังบริษัทที่มอบให้ พร้อมกับคำอธิบายถึงนโยบายของบริษัทถ้าหากไม่สามารถส่งของขวัญนั้นคืนได้ ให้ส่งมอบกับฝ่ายบุคคลโดยถือเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของบริษัท
ผู้สื่อข่าวต้องไม่ขอผลิตภัณฑ์ใดๆ จากแหล่งข่าวมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือกิจกรรมในองค์กร หากได้รับของขวัญประเภทเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เบียร์ สุรา หรือสินค้าประเภทนี้ ผู้สื่อข่าวไม่ควรเก็บเป็นของตัวเอง ควรมอบให้ฝ่ายบุคคลเพื่อไปใช้ในงานสังสรรค์ของส่วนรวมต่อไป
ตัวอย่างที่ 2 บริษัทแห่งหนึ่งระบุในจดหมายเชิญผู้สื่อข่าวไปร่วมงานแถลงข่าวเกี่ยวกับความสำเร็จของบริษัทว่าหลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวแล้ว จะมีการจับฉลากมอบรางวัลให้ผู้สื่อข่าว โดยรางวัลที่หนึ่งเป็นเงินสด 50,000 บาท และอีกหลายรางวัล ในกรณีนี้แม้ต้องไปทำข่าวก็ไม่เข้าร่วมกิจกรรมโดยเด็ดขาด และควรแจ้งให้เจ้าของงานทราบด้วยว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดต่อจริยธรรมของสื่อมวลชน
6.4 การแสดง หรือการแข่งขันที่ต้องจ่ายค่าบัตรผ่านประตู
ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่วิจารณ์การแสดง หรือทำข่าวเกี่ยวกับการแข่งขัน หรือการแสดงใดๆ ที่ต้องจ่ายค่าบัตรผ่านประตูสามารถรับบัตรผ่านประตูที่จัดเอาไว้ให้สำหรับสื่อมวลชนได้ในจำนวนที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ผู้สื่อข่าวคนอื่นที่ไม่ได้ทำข่าวนั้น หรือกระทั่งตัวบรรณาธิการเอง ไม่ควรเรียกร้อง หรือร้องขอบัตรผ่านประตูจากผู้จัดงาน โดยอาศัยสถานภาพการเป็นผู้สื่อข่าว หรือเป็นบรรณาธิการของสื่อในเครือ
6.5 ไม่รับสิทธิพิเศษเป็นสมาชิกสโมสรหรือองค์กรต่างๆ
ผู้สื่อข่าวไม่ควรรับส่วนลด หรือสิทธิในการเป็นสมาชิกสโมสรส่วนตัว หรือองค์กรต่างๆ ในกรณีที่การเป็นสมาชิกนั้นๆ เกี่ยวข้องกับสถานภาพการเป็นผู้สื่อข่าวของสื่อที่สังกัดบริษัท จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสมัครเป็นสมาชิกให้กับผู้สื่อข่าวในกรณีที่พิจารณาแล้วว่าการเป็นสมาชิกนั้นเป็นประโยชน์ต่อการทำข่าว
6.6 ไม่รับข้อเสนอให้ค่าตอบแทนหรือสิทธิพิเศษใดๆ เพื่อการทำข่าว
ผู้สื่อข่าวต้องไม่รับค่าตอบแทนรวมทั้งต้องไม่เรียกร้อง หรือร้องขอค่าตอบแทน หรือสิทธิพิเศษใดๆ จากแหล่งข่าวเป็นอันขาดไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทนหุ้นราคาถูกหุ้นออกใหม่ (IPO) หรือสิทธิพิเศษใดๆ เพื่อการทำข่าว หรือเก็บไว้เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวต้องไม่รับค่าตอบแทนรวมทั้งต้องไม่เรียกร้อง หรือร้องขอค่าตอบแทน หรือสิทธิที่พิเศษอื่นใดจากแหล่งข่าวเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเขียนข่าวให้เป็นอันขาด
6.7 การขอยืมอุปกรณ์ หรือมีผู้เสนอให้ทดลอง หรือยืมใช้
ผู้สื่อข่าว ผู้ปฏิบัติงานข่าว ที่ต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการเขียนวิจารณ์ หรือถ่ายภาพ ประกอบบทความ สารคดี การถ่ายวีดิโอ ถ่ายคลิป ประกอบรายการทีวี รายการทางสื่อออนไลน์ โดยใช้ตัวอย่างของสินค้า เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์ในการถ่ายรูป รถยนต์ เรือ เครื่องตกแต่งบ้าน อุปกรณ์กีฬา เครื่องใช้ต่างๆ เสื้อผ้าสามารถใช้อุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อการทดสอบ หรือประเมินคุณภาพเพื่อจุดประสงค์ในการเขียนข่าว รายงานข่าว ภายในเวลาที่กำหนด โดยต้องปรึกษา และได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการก่อนเสมอ
ผู้สื่อข่าวมักจะได้รับข้อเสนอสินค้าราคาพิเศษ การยกเว้นค่าบริการ หรือค่าสินค้า ที่ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับ ผู้สื่อข่าวไม่ควรใช้ประโยชน์จากข้อเสนอนั้น หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาบรรณาธิการ เพื่อทบทวนนโยบายของบริษัท
6.8 การเขียนคำชมสินค้า หรือบริการ
นอกเหนือจากการเขียนบทวิจารณ์ การจัดรายการ การอ่านข่าว การเล่าข่าว ให้สื่อที่สังกัดแล้ว ผู้สื่อข่าวไม่ควรให้สัมภาษณ์ หรือเขียนบทความในเชิงสนับสนุน หรือเขียนคำชมให้กับหนังสือภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์สินค้า หรือการแสดงใดๆ ที่ขัดต่อวิชาชีพ หรือให้กับสื่อที่เป็นคู่แข่งโดยตรง กับสื่อที่สังกัด เว้นแต่ว่าผู้สื่อข่าวผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบในกองบรรณาธิการ แต่ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากบรรณาธิการอย่างเป็นทางการก่อนทุกครั้ง
ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ การแสดงความคิดเห็นต่อสื่ออื่น ต้องอยู่บนพื้นฐานหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ การรีวิวสินค้า ผลิตภัณฑ์ต่างๆ และการบริการ ของผู้สื่อข่าวผู้ประกาศ ผู้จัดรายการ ต้องปรึกษาบรรณาธิการอย่างเป็นทางการ และต้องได้รับความเห็นชอบก่อนทุกครั้ง
6.9 การแข่งขันกับผู้สื่อข่าวจากองค์กรอื่น
ผู้สื่อข่าวต้องแข่งขันกับผู้สื่อข่าวจากสื่ออื่น อย่างตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ และโปร่งใส ไม่สร้างปัญหาให้กับผู้สื่อข่าวจากสื่ออื่น โดยมีเจตนาจะบั่นทอนความพยายามในการทำข่าวของผู้อื่นหากในข่าวที่รายงานจำเป็นต้องใช้ข้อเท็จจริงที่สื่ออื่นนอกเครือเนชั่นเป็นผู้รายงานต้องบอกที่มาของข้อเท็จจริงนั้นๆ ทุกครั้ง
6.10 ไม่พยายามรวมกลุ่มทำข่าวกับสื่ออื่นๆ โดยไม่จำเป็น
ผู้สื่อข่าวไม่ควรรวมกลุ่มกันทำข่าว หรือทำข่าวเพื่อประโยชน์ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง และไม่ควรรับค่าตอบแทนในรูปแบบใดๆ ก็ตามจากคู่แข่งขัน หรือหน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ใดๆ เพื่อแลกกับการเขียนข่าว
6.11 การส่งผลงานเข้าแข่งขันชิงรางวัล และการประกวด
ผู้สื่อข่าว และช่างภาพจะส่งเรื่อง หรือภาพที่ตีพิมพ์เผยแพร่ทางออนไลน์ หรือออกอากาศในสื่อที่สังกัดเพื่อเข้าประกวดชิงรางวัลใดๆ ได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาก่อน เว้นแต่ว่างานประกวดนั้นจะเป็นงานประกวดความเป็นเลิศด้านการข่าวที่จัดโดยมูลนิธิที่ไม่หวังผลเชิงพาณิชย์
6.12 หลีกเลี่ยงการอ้างอิงบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษ
พนักงานไม่ควรใช้เครื่องเขียน (ซองจดหมาย กระดาษเขียนจดหมาย ฯลฯ) นามบัตร หรือแบบฟอร์มต่างๆ ของบริษัทเพื่อจุดประสงค์อื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท
ตัวอย่างที่ 1 ผู้สื่อข่าวเขียนคำร้องเรียนไปที่ห้างร้าน หรือหน่วยงานสาธารณะโดยใช้กระดาษเขียนจดหมายรวมทั้งซองจดหมายที่มีชื่อโลโก้ ของสื่อในเครือที่สังกัดพิมพ์ติดอยู่ หวังใจว่าจะได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วในการร้องเรียนเรื่องส่วนตัวกรุณาหลีกเลี่ยงการอ้างอิง หรือการพูดเป็นนัยว่าเป็นตัวแทนของสื่อในเครือ หรือข่มขู่ว่าจะใช้อำนาจของสื่อที่สังกัดอยู่กดดันผู้ที่เกี่ยวข้องหรือรายงานข่าวในเรื่องนั้นๆ
6.13 ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล
"หลักทรัพย์" หมายถึง ตราสาร หรือหลักฐานแสดงสิทธิในทรัพย์สิน เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตั๋วเงิน หุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน
"สินทรัพย์ดิจิทัล" หมายถึง หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบ หรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือเพื่อกำหนดสิทธิของบุคคลในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ หรือกิจการใดๆ และกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้า หรือบริการ หรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่างผู้ออก และผู้ถือ และให้หมายความรวมถึงหน่วยแสดงสิทธิอื่น ตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกำหนด
ผู้ทำหน้าที่สื่อมวลชนทุกคนในเครือเนชั่น ห้ามใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในขององค์กรในตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนเรียกร้อง หรือรับหุ้นออกใหม่ (IPO) หรือเรียกร้องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับนักลงทุนรายอื่น ในตลาดหลักทรัพย์
เนื่องจากผู้สื่อข่าวเป็นอาชีพที่อยู่ในฐานะที่อาจได้ประโยชน์จากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และสามารถให้คุณ ให้โทษต่อภาวะการลงทุนจึงจำเป็นต้องมีข้อบังคับ และข้อห้ามเป็นการพิเศษ เพื่อให้เป็นไปตามจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อดังนี้
6.13.1 ห้ามพนักงาน หรือครอบครัว หรือคนใกล้ชิด แสวงหาประโยชน์ทางการเงินจากข้อมูลภายในของบริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็ตาม โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงานก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลนั้นๆ ต่อสาธารณชน
6.13.2 ห้ามเขียนข่าว หรือบทความอันจะมีผลต่อการปั่นราคาหุ้น รวมไปถึงการละเว้นที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญเนื่องจากมีผลประโยชน์ทางการเงินอย่างลึกซึ้งกับบริษัท หรือธุรกิจนั้น
6.13.3 ต้องละเว้นการเขียนข่าว บทความ หรือการวิเคราะห์ สนับสนุน หรือให้ร้ายหลักทรัพย์ และ/หรือ สินทรัพย์ดิจิทัลโดยผิดจากข้อเท็จจริง และไม่เขียนข่าว หรือวิเคราะห์ในลักษณะให้ร้ายต่อหลักทรัพย์ และ/หรือ สินทรัพย์ดิจิทัลอื่นที่เกี่ยวข้อง
6.13.4 พนักงานทุกคนจะต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นการเก็งกำไร และการลงทุนระยะสั้นในตลาดหลักทรัพย์โดยจะต้องถือหลักทรัพย์นั้นไว้อย่างน้อย 3 เดือน และต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบทุกครั้งที่มีการซื้อขาย
6.13.5 ห้ามผู้สื่อข่าวหัวหน้าข่าว และบรรณาธิการซื้อขายหลักทรัพย์ในธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมที่อยู่ในสายข่าวที่รับผิดชอบ
6.13.6 การได้มาซึ่งหลักทรัพย์ และ/หรือ สินทรัพย์ดิจิทัลของพนักงาน จะต้องเป็นไปตามช่องทางปกติเหมือนนักลงทุนทั่วไปในราคาที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป ห้ามเรียกรับ หรือยอมรับหุ้นจองที่มีการจัดสรรให้เป็นพิเศษเพื่อตนเอง หรือบุคคลอื่น
6.13.7 พนักงาน หรือครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ต้องละเว้นการรับหลักทรัพย์ และ/หรือ สินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะผู้มีอุปการคุณหรืออุปการะอื่นใด
6.13.8 ต้องไม่ร้องขอ หรือแสดงท่าที รวมทั้งกระทำการใดๆ ในลักษณะที่ทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เข้าใจได้ว่าต้องการอภิสิทธิ์ ในการซื้อหลักทรัพย์ และ/หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล ในตลาดแรกของบริษัทนั้นๆ
6.13.9 ต้องไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ พระราชกำหนดสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน สำหรับผู้ลงทุนในหลักทรัพย์และ/หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล
6.13.10 ในกรณีที่มีการละเมิดหลักเกณฑ์ข้างต้นโดยไม่ตั้งใจจะต้องรีบชี้แจงเหตุผลต่อบรรณาธิการ และดำเนินการ แก้ไขให้ถูกต้องตามหลักปฏิบัติโดยเร็ว
นอกจากนี้ยังไม่ควรเป็นผู้จัดการด้านการเงิน หรือให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่บริษัทใดๆ แต่สามารถช่วยสมาชิกในครอบครัวในการวางแผนด้านการเงินตามปกติได้เท่านั้น
หมวดที่ 7 แนวทางปฏิบัติเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมือง และกิจกรรมชุมชน
การช่วยเหลือทางการเมือง หมายถึง การให้ทรัพย์สิน เงิน สิ่งของ สิทธิ หรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อเป็นการช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือเพื่อประโยชน์อื่นใด แก่พรรคการเมือง นักการเมือง หรือบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ตลอดจนกิจกรรมทางการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงการที่พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมตามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
บริษัทมีนโยบายมีความเป็นกลางทางการเมือง จะไม่สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือในรูปแบบใดๆ กับนักการเมือง หรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง โดยถือเป็นการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับบริษัท ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติอย่างนี้
7.1 กิจกรรมทางด้านการเมือง
การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทางด้านการเมืองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในอาชีพการทำข่าว ซึ่งหมายความว่า พนักงานด้านข่าวของสื่อในเครือเนชั่นไม่ควรเป็นสมาชิกกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองใดๆ และต้องไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนของกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การชุมนุม หรือรณรงค์ประเด็นสาธารณะเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน พนักงานด้านข่าวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ แต่ต้องไม่เป็นผู้ร่วมจัดชุมนุม ไม่เป็นแกนนำในการชุมนุม และห้ามเข้าร่วมปราศรัยทางการเมือง
ในการปฏิบัติหน้าที่ผู้สื่อข่าว ต้องรักษาระยะห่างกับนักการเมือง
กลุ่มการเมือง และพรรคการเมือง โดยหลีกเลี่ยงการมีสัมพันธ์พิเศษ หรือใกล้ชิด เช่น การไปร่วมงานวันเกิด การรับประทานอาหาร หรือมีกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลข้างต้น ยกเว้นเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติหน้าที่
ในกรณีที่ผู้สื่อข่าวมีญาติสนิท หรือผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น บิดา มารดา บุตรธิดา คู่สมรส พี่น้อง ซึ่งเป็นสมาชิกหรือเป็นผู้สนับสนุนองค์กรทางการเมือง ควรแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวต้องทำข่าว หรือตัดสินใจเกี่ยวกับข่าวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง หรือองค์กรเพื่อชุมชนนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวไม่ควรมีภาพปรากฏในข่าว หรือใบปิดใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง หรือองค์กรสาธารณะ เพราะการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ผู้สื่อข่าวมีส่วนได้ส่วนเสียกับพรรคการเมืองหรือองค์กรนั้นๆ
7.2 กิจกรรมชุมชน และกิจกรรมทางสังคม
บุคลากรในเครือเนชั่นสามารถมีส่วนร่วมกับองค์กรสาธารณะทางสังคม หรือชุมชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และมีเป้าหมายในการทำประโยชน์แก่สาธารณะได้ตามสมควร หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาผู้บังคับบัญชา หรือบรรณาธิการก่อน
ผู้สื่อข่าวต้องไม่แสดงตนเป็นประชาสัมพันธ์ หรือผู้แทน รวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาให้กับสินค้าองค์กร หรือหน่วยงานใดๆ อีกทั้งไม่ควรเข้าร่วมกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ที่เก็บค่าเข้าร่วมงาน แต่สามารถให้ความช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาแก่โรงเรียนของบุตรหลาน พิพิธภัณฑ์ องค์กรการกุศลในชุมชน หรือองค์กรที่เกี่ยวกับศาสนาที่ตัวเองนับถือได้ โดยได้รับความเห็นชอบ และอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาก่อน
หมวดที่ 8 การปฏิบัติต่อฝ่ายโฆษณา ฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย
บุคลากรของสื่อในเครือ ต้องปฏิบัติต่อฝ่ายโฆษณา ฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย ตลอดจนฝ่ายอื่นๆ ของบริษัท โดยใช้หลักการเดียวกันกับที่ปฏิบัติต่อผู้อ่าน และแหล่งข่าว โดยเน้นความเป็นธรรม และความเคารพในบทบาทของกันและกัน
ถึงแม้ฝ่ายข่าว และฝ่ายอื่นๆ จะมีภารกิจร่วมกันในการปกป้องรักษาผลประโยชน์ของบริษัท แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีความรับผิดชอบ และหน้าที่เฉพาะของตัวเอง โดยจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ควบคุม หรือพยายามชี้นำการทำงานของกันและกัน
การร่วมมือกันระหว่างฝ่ายขาย และฝ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะฝ่ายโฆษณา ฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมตราบใดที่อยู่ในกรอบของจริยธรรม และหลักการในการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายข่าว
หมวดที่ 9 การรายงานข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมของบริษัท และการรายงานเกี่ยวกับองค์กรสื่อภายนอก
การเสนอข่าวเกี่ยวกับกิจกรรม และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และผู้บริหารของบริษัท ให้ยึดถือหลักจริยธรรม และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ห้ามผู้สื่อข่าว รับข้อมูลจากบุคคลอื่นทั้งภายใน และภายนอกบริษัท เพื่อตีพิมพ์ ออนไลน์ หรือออกอากาศโดยไม่ได้รับอนุมัติจากบรรณาธิการข่าว หรือบรรณาธิการบริหารการรายงานเกี่ยวกับองค์กรสื่อภายนอก
ควรหลีกเลี่ยงการรายงานข่าว หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์กรสื่อนอกเครือเนชั่น ไม่ว่าจะเป็นข่าว หรือความเห็นในเชิงบวก หรือลบก็ตาม ในกรณีที่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ ออนไลน์ หรือออกอากาศ
การรายงานข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมขององค์กรสื่อนอกเครือเนชั่น โดยเฉพาะสื่อที่เป็นคู่แข่งโดยตรง เช่น การเปิดตัวสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการแนะนำผู้บริหาร ต้องได้รับความเห็นชอบจากบรรณาธิการเช่นเดียวกัน
หมวดที่ 10 แนวทางปฏิบัติเรื่องลิขสิทธิ์ในชิ้นงาน และการรับงานนอก
10.1 การเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ ผลงานทุกชิ้นที่พนักงานได้ทำขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นพนักงานของบริษัท และอยู่ในขอบข่ายของงานที่บริษัทได้ว่าจ้างมา ไม่ว่าจะได้ลงตีพิมพ์หรือไม่ ถือเป็นงานที่ทำขึ้นเพื่อบริษัท และเป็นสิทธิของบริษัทโดยสมบูรณ์ ผลงานเหล่านั้น พนักงานไม่สามารถนำไปขาย หรือจดลิขสิทธิ์ ยกเว้นได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
10.2 การรับเชิญไปเป็นวิทยากรให้องค์กรอื่นๆ
ถึงแม้การไปเป็นวิทยากร จะเป็นการสนับสนุนชื่อเสียงบริษัทอีกทางหนึ่ง แต่ผู้สื่อข่าวควรปรึกษาบรรณาธิการทุกครั้งก่อนรับคำเชิญ หากบรรณาธิการเล็งเห็นว่า การไปเป็นวิทยากรนั้นอาจทำให้เกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กับกองบรรณาธิการ หรือมีผลกับภาพลักษณ์ของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของกองบรรณาธิการ บรรณาธิการควรแนะนำให้ปฏิเสธคำเชิญนั้นด้วยความสุภาพ
ผู้สื่อข่าวที่ได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรควรระมัดระวังในการกล่าวถึงกลุ่มคน หรือเรื่องใดๆ ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เช่น เรื่องศาสนา ความเชื่อทางการเมือง ฯลฯ หากองค์กร หรือหน่วยงานที่เชิญไปเป็นวิทยากรให้ค่าตอบแทนแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 3,000 บาท ผู้สื่อข่าวควรแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บรรณาธิการทราบ
10.3 การรับเชิญไปเป็นกรรมการ กรรมาธิการ อนุกรรมาธิการที่ปรึกษา
กรณีหน่วยภาครัฐ เชิญผู้สื่อข่าวไปเป็นกรรมการ กรรมาธิการ หรืออนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษากรรมาธิการคณะต่างๆ ในองค์กรรัฐสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา โดยมีค่าตอบแทน และผลประโยชน์อื่นใด พึงละเว้น และแจ้งผู้บังคับบัญชา หรือบรรณาธิการ ยกเว้นการรับเชิญไปในฐานะตัวแทนขององค์กรวิชาชีพสื่อที่ได้รับการคัดเลือก เพื่อไปให้ข้อมูลเป็นกรณีเพื่อประโยชน์สาธารณะ อาทิ อนุกรรมาธิการที่ศึกษาบางเรื่องเป็นการเฉพาะ เช่น เรื่องการชุมนุม การปรองดอง สมานฉันท์ ความไม่สงบในภาคใต้ ปัญหาสินค้าราคาแพง ควรแจ้งผู้บังคับบัญชา หรือบรรณาธิการทราบ
10.4 การรับงานนอก
ผู้สื่อข่าว และช่างภาพของเครือเนชั่น จะไม่สามารถรับทำงานพิเศษที่เป็นเรื่องในสายงานที่ตัวเองทำอยู่ให้องค์กรอื่นถึงแม้จะไม่ได้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับสื่อที่สังกัดอยู่ก็ตาม ยกเว้นในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการแล้วเท่านั้น
การรับ "งานนอก" ไม่ควรเป็นเหตุให้เกิดการขัดแย้งใดๆ ในส่วนงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งต้องไม่เป็นงานที่ทำให้ตัวเอง กองบรรณาธิการที่สังกัด และงานหลักที่ได้รับมอบหมายต้องล่าช้า หรือเสียหาย
การมีส่วนร่วมในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การเข้าร่วมคณะผู้บริหาร หรือเป็นกรรมการในองค์กรการกุศล หรือแม้แต่องค์กรการสังคมสงเคราะห์ ไม่ว่าจะได้ค่าจ้างหรือไม่ ล้วนมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับบทบาทการเป็นสื่อ หรือสื่อที่สังกัด ผู้สื่อข่าวไม่ควรรับตำแหน่งกรรมการอย่างเป็นทางการให้กับการประกวดใดๆ หากได้รับคำเชิญ หรือเสนอให้รับตำแหน่งใดๆ ควรปรึกษาบรรณาธิการ หรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงก่อน
10.5 การไปปรากฏตัวในสื่ออื่นๆ
ผู้สื่อข่าวไม่ควรไปปรากฏตัว หรือให้ข้อมูลแก่สื่อต่างๆ เว้นแต่ว่าจะไปในฐานะสมาชิก หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน เช่น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย แต่การไปปรากฏตัว หรือให้ข้อมูลดังกล่าว ต้องผ่านความเห็นชอบจากบรรณาธิการก่อน ซึ่งจะต้องพิจารณาอนุมัติ โดยดูที่ผลประโยชน์ และภาพลักษณ์ของเครือเนชั่น เป็นหลัก ไม่ควรให้ใครไปปรากฏตัวในสื่อฯ หรือกิจกรรมใดก็ตามที่จะส่งผลให้ภาพพจน์ขององค์กรเสียหาย
ตัวอย่างงานหรือกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
ไปปรากฏตัวในฐานะพิธีกรให้กับรายการโทรทัศน์ หรือรายการวิทยุ ที่เป็นรายการที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ให้แก่ผู้ชม และสังคมส่วนใหญ่ การไปปรากฏตัวในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น การเมือง ศาสนา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ ละคร ทัศนศิลป์ ภาพยนตร์ กีฬา ฯลฯ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ก่อนระหว่าง หรือหลังการแข่งขันต่างๆ
ตัวอย่างงานที่ผู้สื่อข่าวควรได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน
การไปปรากฏตัวในสื่อโทรทัศน์และวิทยุ ซึ่งบรรณาธิการเห็นว่าเป็นการสนับสนุนชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของบริษัทการอนุญาตไปทำงานประเภทนี้ ให้ถือว่าเป็นเวลาทำงาน หากองค์กร หรือหน่วยงานที่เชิญไป ให้ค่าตอบแทนมีมูลค่ามากกว่า 3,000 บาท ให้ผู้สื่อข่าวแจ้งแก่บรรณาธิการทราบด้วย
การไปปรากฏตัวในสื่อโทรทัศน์และวิทยุ เพื่อตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีคุณค่าของข่าว หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสื่อที่สังกัดโดยตรง เช่น เรื่องทิศทาง แนวทางของสื่อ
การไปปรากฏตัวในสื่อโทรทัศน์และวิทยุชุมชน หรือให้ข้อมูลแก่สิ่งพิมพ์ที่ไม่ได้ขายโฆษณา เช่น สิ่งพิมพ์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ วารสารทางการศึกษา ฯลฯ
หมวดที่ 11 แนวปฏิบัติในการนำเสนอข่าว ภาพข่าว สำหรับผู้สื่อข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านข่าว
นอกจากยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ ในหมวดที่ 1 ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน และหมวดที่ 2จริยธรรมของสื่อในเครือเนชั่นแล้วผู้สื่อข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านข่าวในเครือเนชั่น ต้องยึดแนวปฏิบัติการนำเสนอข่าว ภาพข่าวต่างๆ ที่สอดคล้องกับองค์กรสภาวิชาชีพสื่อมวลชนรวมทั้งตระหนักถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
11.1 การเสนอข่าว ภาพข่าว ผู้กระทำความผิดในคดีอาญา
ข่าวการกระทำผิดในคดีอาญา เป็นข่าวประเภทอาชญากรรม มีลักษณะหมิ่นเหม่ที่จะละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเป็นส่วนตัว และสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้น การเสนอข่าว ภาพข่าว การแสดงความคิดเห็น จึงต้องระมัดระวังทั้งในแง่จริยธรรมแห่งวิชาชีพ และข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ สถานะของบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ไม่ได้แปลว่า บุคคลผู้นั้นเป็นอาชญากร เนื่องจากยังมีกระบวนการพิจารณาคดีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว บุคคลนั้นอาจไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ดังนั้นในการรายงานข่าวให้ยึดแนวปฏิบัติดังนี้
"ผู้ต้องสงสัย" หมายถึง บุคคลที่มีข้อสันนิษฐานว่า อาจกระทำความผิด หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เป็นบุคคลที่ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวน ยังไม่มีการสอบสวน
"ผู้ต้องหา" หมายถึง บุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่า ได้กระทำความผิด และพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยังไม่ถูกส่งฟ้องต่อศาล
"จำเลย" หมายถึง บุคคลที่ถูกส่งฟ้องต่อศาลแล้ว โดยข้อหาว่าได้กระทำความผิด
11.1 ต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา จำเลย โดยไม่นำเสนอภาพ และไม่ใช้ภาษาที่มีลักษณะเป็นการตัดสิน ผู้ต้องสงสัย หรือผู้ถูกกล่าวหา ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาตัดสินคดีของศาลถึงที่สุด
11.2 หลีกเลี่ยงการนำเสนอภาพผู้ต้องหาพร้อมของกลาง หรือภาพการทำแผนประกอบการรับสารภาพของผู้ต้องหา อย่างชี้นำผู้อ่าน ผู้ชม ผู้ฟัง ให้ตัดสินว่าผู้ต้องหาคือ ผู้กระทำความผิด
11.3 พึงระมัดระวัง การนำเสนอชื่อ และภาพผู้กระทำความผิด ควรเซ็นเซอร์ภาพผู้กระทำความผิด ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นบุคคลสาธารณะ หรือประชาชนทั่วไป
11.4 กรณีที่ผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา และจำเลย เป็นบุคคลสาธารณะ หรือเป็นบุคคลที่กระทำการอันกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นภัยต่อสังคม อาจนำเสนอภาพบุคคลดังกล่าวได้เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพียงให้ได้ตัวบุคคลนั้นมาพิจารณาโทษตามกฎหมายเท่านั้น
11.5 หลีกเลี่ยงการจัดฉาก การสร้างตัวละครเลียนแบบของจริง กรณีการรายงานข่าวอาชญากรรม หรือข่าวที่แสดงถึงการกระทำทารุณโหดร้าย อาจทำในรูปแบบกราฟิกแทนภาพเหตุการณ์ได้ แต่ต้องระมัดระวัง ไม่ให้สื่อถึงการกระทำที่ทารุณโหดร้ายนั้นอีก
11.6 หลีกเลี่ยงการอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผย หากการเปิดเผยนั้นจะก่อให้เกิดอันตรายต่อแหล่งข่าว และข่าวนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างแท้จริง โดยต้องแจ้งแหล่งข่าวว่า จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อกับบรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง ก่อนเผยแพร่และต้องปิดบังหน้าตาแหล่งข่าว รวมทั้งชื่อ ที่อยู่ เพื่อความปลอดภัยของแหล่งข่าว และครอบครัว
11.2 การเสนอข่าว ภาพข่าว การฆ่าตัวตาย
การศึกษาวิจัยจำนวนมากจากทั่วโลกยืนยันว่า การทำหน้าที่สื่ออย่างมีความรับผิดชอบในการนำเสนอข่าว หรือเรื่องราวการฆ่าตัวตาย มีผลต่อการลดความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นในทางตรงกันข้าม งานศึกษาวิจัยเช่นกัน พบว่าวิธีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว หรือเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย รวมทั้งการใช้ภาษา ความยาว ความถี่ ในการนำเสนออย่างไม่ระมัดระวัง อาจกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในคนบางกลุ่ม ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเพิ่มขึ้นของการฆ่าตัวตาย
ดังนั้น การที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว หรือเรื่องราวการฆ่าตัวตายอย่างระมัดระวัง ด้วยความรับผิดชอบ รวมทั้งการให้ข้อมูล คำแนะนำที่มีประโยชน์ อย่างเหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งต่อสถานการณ์ปัญหาการฆ่าตัวตายในสังคม
สื่อในเครือเนชั่น จึงต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
11.2.1 ต้องไม่เสนอข่าวที่เน้นย้ำถึงสาเหตุการฆ่าตัวตาย การสัมภาษณ์บุคคลใกล้ชิด หรือสมาชิกครอบครัวของผู้ตายอย่างเจาะลึก อันอาจกระทบความรู้สึกเศร้าเสียใจของสมาชิกครอบครัว หรือผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต
11.2.2 ต้องไม่เร่งสรุป หรือลดทอนความซับซ้อนของสาเหตุการฆ่าตัวตาย ทำให้เข้าใจว่าการฆ่าตัวตายมาจากสาเหตุหรือปัญหาใดเพียงปัญหาหนึ่ง
11.2.3 ต้องไม่นำเสนอเรื่องราวการฆ่าตัวตายว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา หรือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้เมื่อเผชิญภาวะยากลำบากของชีวิต
11.2.4 พึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการเสนอข่าวการฆ่าตัวตายของผู้มีชื่อเสียง ดารา ศิลปิน โดยเฉพาะในแง่มุมความซาบซึ้งสะเทือนใจ
11.2.5 พึงหลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวเรื่องราวการฆ่าตัวตายเป็นข่าวหลัก หรือเป็นข่าวที่โดดเด่น เพื่อป้องกันการเร้าอารมณ์จนนำไปสู่การเลียนแบบ
11.2.6 พึงหลีกเลี่ยงการเสนอรายละเอียดของวิธีการฆ่าตัวตาย
สถานที่เกิดเหตุ จดหมาย หรือข้อความลาตาย รวมทั้งการนำเสนออย่างซ้ำๆ เช่น คลิปภาพ
11.2.7 พึงระมัดระวังการพาดหัวข่าว ความนำ รวมทั้งการนำเสนอเนื้อหาการฆ่าตัวตายที่กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกความสะเทือนใจ
11.2.8 พึงระมัดระวังการนำเสนอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่ฆ่าตัวตาย รวมทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือภาพจำลอง และลิงก์โซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้อง
11.2.9 ควรใช้โอกาสที่เหมาะสมนำเสนอช่องทางการรับความช่วยเหลือ ข้อมูล คำแนะนำเรื่องการประเมินตนเอง การจัดการความเครียด สัญญาณเตือน หรือปัจจัยเสี่ยงต่อการคิดฆ่าตัวตายร่วมด้วยทุกครั้งที่นำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย
11.2.10 ผู้สื่อข่าว ผู้ปฏิบัติงานด้านข่าว ควรมีที่ปรึกษา หรือทำงานร่วมกับบุคลากรด้านจิตวิทยา ในการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย
11.3 การเสนอข่าว ภาพข่าว ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
11.3.1 ต้องไม่ระบุ ชื่อ ชื่อสกุล ที่อยู่ และภาพข่าวของผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้งชื่อ ชื่อสกุล ที่อยู่ และภาพข่าวของผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่ากรณีใดๆ หรือสิ่งที่ทำให้รู้ หรือสามารถรู้ได้ เช่น ภาพที่เกิดเหตุ ข้อมูลสถานศึกษา ที่ทำงานของผู้เสียหาย และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายด้วย
11.3.2 ในกรณีผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ 11.3.1 เว้นแต่การเผยแพร่ข้อมูลนั้น เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยสามารถนำเสนอได้เฉพาะภาพหน้าตรงของผู้เสียชีวิตขณะมีชีวิตอยู่เท่านั้น
11.3.3 พึงระมัดระวัง การใช้ภาษา การให้รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ และพฤติกรรมเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ โดยต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน หรือความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียงเกียรติคุณผู้เสียหาย และไม่ตอกย้ำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับทัศนคติเรื่องเพศอันเนื่องมาจากการล่วงละเมิดทางเพศนั้น
11.4 การเสนอข่าว ภาพข่าว เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน
11.4.1 ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชนของเด็ก และเยาวชน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก และเยาวชนเป็นสำคัญ
11.4.2 ต้องไม่เปิดเผยชื่อ ชื่อสกุล ภูมิลำเนาที่อยู่ของเด็ก และเยาวชน รวมทั้งชื่อ ชื่อสกุล และภูมิลำเนาที่อยู่ของบิดา มารดา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก และเยาวชน รวมทั้งสิ่งที่ทำให้รู้ หรือสามารถรู้ถึงตัวเด็ก และเยาวชนได้ เช่น ข้อมูลสถานศึกษาหรือที่ทำงาน โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียงเกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก และเยาวชน หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เว้นแต่การเผยแพร่ข้อมูลนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือเพื่อประโยชน์ต่อการติดตามตัวเด็ก และเยาวชน ในกรณีที่เด็ก และเยาวชนนั้นสูญหายไป และไม่ส่งผลกระทบในทางลบแก่เด็กและเยาวชน
11.4.3 ต้องไม่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือชีวิตครอบครัวของเด็ก และเยาวชน แม้ว่าจะได้รับความยินยอมจากเด็ก เยาวชน หรือผู้ปกครองก็ตาม
11.4.4 ต้องไม่นำเสนอภาพลามก อนาจาร โป๊เปลือย อุจาด ของเด็ก และเยาวชน
11.4.5 พึงระมัดระวังการนำเสนอข่าว การแสดงความคิดเห็น ที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อชีวิตของเด็ก และเยาวชน ไม่ว่าการนำเสนอดังกล่าวจะมีเจตนาดีต่อเด็ก และเยาวชน หรือไม่ก็ตาม
11.4.6 พึงระมัดระวังการถ่ายภาพ และนำเสนอภาพเด็ก และเยาวชน ในพื้นที่สาธารณะ ควรขออนุญาตผู้ที่อยู่ในภาพ หรือผู้ปกครองทุกครั้ง รวมทั้งระมัดระวังการนำเสนอภาพประกอบข่าว เนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น ที่เป็นเชิงลบ โดยที่ผู้ปรากฏในภาพนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือหากต้องนำเสนอภาพควรใส่ข้อความ หรือคำชี้แจงให้เห็นว่า บุคคลในภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว
11.4.7 พึงระมัดระวังการนำเสนอ ผลิต หรือเผยแพร่ซ้ำซึ่งภาพ หรือภาพเคลื่อนไหวของเด็ก และเยาวชนในลักษณะขบขัน ทำให้เป็นตัวตลก น่าสงสาร สมเพช ที่มีการส่งต่อกันทางสื่อดิจิทัล
11.4.8 พึงระมัดระวังการเสนอข่าว การแสดงความคิดเห็น ที่เกี่ยวกับกิจกรรมการกุศล หรือสาธารณประโยชน์ ที่เป็นการเปิดเผยอัตลักษณ์ของเด็ก และเยาวชนในสถานพินิจ หรือสถานสงเคราะห์
11.4.9 พึงระมัดระวังการเสนอข่าวของเด็ก และเยาวชน ที่อยู่ในภาวะยากลำบาก ภัยพิบัติ วินาศกรรม ความรุนแรงภัยสงคราม-ก่อการร้าย หรือพื้นที่ค่ายอพยพลี้ภัย ที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของเด็ก และเยาวชนคนใดคนหนึ่งอย่างชัดเจน
11.5 การเสนอข่าว ภาพข่าว เกี่ยวกับผู้หญิง
11.5.1 การเสนอข่าว เกี่ยวกับผู้หญิง ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค และความเท่าเทียมระหว่างเพศการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชนของผู้หญิง และการไม่เลือกปฏิบัติ
11.5.2 ต้องไม่นำเสนอชื่อ ข้อมูล และอัตลักษณ์ความเป็นส่วนตัวทั้งของผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว
11.5.3 ต้องไม่นำเสนอชื่อ ข้อมูล และอัตลักษณ์ของหญิงผู้ตกเป็นข่าวเนื่องจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ แม้ว่าสาธารณะจะรับรู้ไปแล้วหรือไม่ก็ตาม
11.5.4 ต้องไม่นำเสนอเรื่องราวในอดีตของผู้หญิงที่เคยตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการถูกล่วงละเมิด หรือกระทำความรุนแรงทางเพศในแง่ลบ
11.5.5 ต้องไม่นำเสนอภาพลามก อนาจาร โป๊เปลือย อุจาด ของผู้หญิง
11.5.6 พึงหลีกเลี่ยงการใช้คำที่สื่อความหมายว่าผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือความรุนแรงในครอบครัว เป็นเรื่องของบาปเคราะห์ เคราะห์ร้าย หรือเป็นเรื่องของกรรมเวร
11.5.7 พึงระมัดระวังการนำเสนอข่าวการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น หรือก่อนวัยอันควร โดยหลีกเลี่ยงการระบุชื่อ หรือข้อมูลทำให้ทราบถึงตัวตนของหญิงดังกล่าว โดยจะต้องไม่ให้เป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของผู้หญิง และในกรณีมีการทำแท้ง จะต้องไม่มีลักษณะตีตราหรือสื่อความหมายในทางลบ
11.5.8 พึงระมัดระวังการนำเสนอข่าวผู้หญิงเกี่ยวกับการอุ้มบุญ โดยคำนึงถึงผลกระทบในทางลบที่อาจมีต่อหญิงที่เป็นแม่อุ้มบุญ เด็กและครอบครัวของเด็ก ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
11.5.9 พึงระมัดระวังเรื่องการผลิตซ้ำทัศนคติต่อการแต่งกาย การวางตัว และพฤติกรรมของผู้หญิงว่าเป็นต้นเหตุของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
11.6 การเสนอข่าว ภาพข่าว เกี่ยวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ และสถานะทางเพศ
"สถานะทางเพศ" หมายถึง เพศหญิง เพศชาย หรือผู้มีอัตลักษณ์แตกต่างจากเพศกำเนิด เพื่อให้การเสนอข่าวเกี่ยวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นไปโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พระราชบัญญัติว่าด้วยความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 และกฎหมาย อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
11.6.1 การเสนอข่าว เกี่ยวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค การไม่เลือกปฏิบัติ
11.6.2 ต้องไม่ใช้ภาษาหรือถ้อยคำที่มีอคติ ตัดสิน เหมารวม หรือที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเชิงเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะเหตุความหลากหลายทางเพศ
11.6.3 พึงระมัดระวัง การใช้ถ้อยคำที่กล่าวถึงผู้มีสถานะทางเพศแบบเหมารวม หรือชี้นำความผิด หรือสื่อความหมายเชิงเหยียดหยาม อันเป็นเนื้อหาที่สะท้อนความเกลียดชังความไม่เท่าเทียม และไม่เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
11.6.4 พึงหลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าว การแสดงความคิดเห็น ต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศในเชิงลบที่ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก หรือผิดปกติ
11.6.5 พึงหลีกเลี่ยงการเสนอเรื่องส่วนตัวของผู้มีความหลากหลายทางเพศ
11.6.6 พึงระมัดระวังการใช้ภาษาที่เป็นการตีตรา หรือตอกย้ำความคิดความเชื่อ ที่เป็นการซ้ำเติม หรือเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ
11.6.7 พึงใช้คำสรรพนามอันเป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เพื่อเป็นการให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ด้วยกัน
11.7 การเสนอข่าว ภาพข่าว ความเชื่อทางไสยศาสตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ ตัวเลข สลากพนัน
สืบเนื่องจากการนำเสนอข่าว ภาพข่าว เรื่องความเชื่อส่วนบุคคล เรื่องเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ อันนำไปสู่การสร้างความงมงาย รวมถึงการให้ข้อมูลสนับสนุนการเล่นพนัน
การเข้าร่วมกิจกรรมเสี่ยงโชคสินค้า และบริการ รวมถึงการทายผลตัวเลขสลากพนัน รวมถึงมีการเผยแพร่ประกาศโฆษณาที่มีเหตุให้น่าเชื่อว่าเจ้าของประกาศโฆษณานั้น เจตนาจะทำให้ผู้บริโภคข่าวสารหลงเชื่อในสิ่งที่งมงาย
ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าว ผู้ปฏิบัติงานด้านข่าวเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน ดังนี้
11.7.1 ต้องไม่ให้ความสำคัญในการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับสลากพนัน หรือสื่อสารไปในทำนองที่สนับสนุนการเล่นสลากพนัน หรือการพนันรูปแบบอื่นๆ เว้นแต่สลากดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการกุศล
11.7.2 ต้องไม่นำเสนอแหล่งที่มา วิธีการตีความเพื่อให้ได้ตัวเลข หรือบ่งชี้ตัวเลขลงไปในรายงานข่าว ภาพข่าว หรือสามารถนำไปใช้ในการเล่นพนันได้โดยไม่ต้องตีความ หรือสื่อความหมายอื่นๆ
11.7.3 ต้องไม่นำเสนอข่าวสารการพนันทุกรูปแบบในบริบทที่ปรากฏภาพ เนื้อหา ข้อมูลของเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทั้งในลักษณะของการเข้าร่วมกิจกรรม ร่วมเล่น ร่วมหาตัวเลข หรือมีส่วนในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากเงินสลาก และเงินกองทุนสลากในทุกกรณี
11.7.4 ต้องไม่นำเสนอข้อมูลประกอบการเล่นพนัน หรือสลากพนัน ที่ได้มาจากศิลปิน ดารา หรือบุคคลสาธารณะอันนำไปสู่การจูงใจให้เล่นการพนัน
11.7.5 ต้องไม่นำเสนอเนื้อหาสนับสนุนการเล่นพนัน หรือสลากพนันในระหว่างการถ่ายทอดสดทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อออนไลน์ในการจับรางวัลสลากพนันแก่ผู้ชมทั่วไป ว่าเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ การกุศล หรือช่วยแก้ปัญหาชีวิต หาทางออกในปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือเป็นเรื่องปกติในสังคมสำหรับการเล่นพนัน หรือซื้อสลากพนัน
11.7.6 พึงหลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่ได้รับรางวัลสลากพนัน หรือข้อมูลการได้มาซึ่งตัวเลข วิธีการ โดยเฉพาะความฝัน วิญญาณ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ หรือความเชื่อส่วนบุคคล
11.7.7 พึงระมัดระวังการเสนอข่าวเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยชี้นำไปสู่การส่งเสริมให้มีการเล่นพนัน ซื้อสลากพนัน หรือสนับสนุนความเชื่ออันงมงายซึ่งพิสูจน์ไม่ได้
11.7.8 พึงระมัดระวังการนำเสนอข่าวจากบุคคลที่อ้างตัวว่ามีคุณสมบัติพิเศษเกี่ยวกับข้อมูลความเชื่อทางไสยศาสตร์ และการทำนายผลการพนัน
11.7.9 พึงนำเสนอข่าวสารที่เน้นความสมดุล รอบด้าน ของผู้เล่นการพนันแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือโอกาสที่จะเสี่ยงได้ เสี่ยงเสีย และผลกระทบของการเล่นพนันที่เกิดขึ้น
11.7.10 พึงนำเสนอคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญ หรือหลักฐานที่พิสูจน์ทราบได้ ในส่วนของความนำ และเนื้อหาข่าวที่เป็นเรื่องราวปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ หรือเรื่องแปลก
11.8 การเสนอข่าว ภาพข่าวกีฬา
11.8.1 ต้องไม่นำเสนอข่าวกีฬาในลักษณะชี้นำไปสู่การส่งเสริมการพนัน โฆษณาแฝงที่เข้าข่ายส่งเสริมอบายมุข
11.8.2 ต้องไม่นำเสนอข่าว ภาพข่าวกีฬา ลักษณะยั่วยุทางเพศ
11.8.3 ต้องไม่มุ่งเน้นการเสนอที่เป็นการเร้าอารมณ์ ความรู้สึกจนสร้างความขัดแย้ง โดยละเว้นการทำให้เกิดความรู้สึกแบ่งแยกเชื้อชาติ สีผิว เพศสภาพ ตลอดจนความเชื่อทางศาสนา และสังคม พร้อมทั้งสร้างสำนึกการใช้กีฬาในการสร้างคน สร้างสันติภาพ และสร้างความรัก ความสามัคคี โดยมุ่งเน้นการใช้กีฬาประสานความเข้าใจคนในสังคม และสนับสนุนความสามัคคี
11.8.4 ควรนำเสนอข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ โดยรักษาข้อเท็จจริงความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาวงการกีฬา
11.8.5 พึงนำเสนอความสำเร็จของนักกีฬาเพื่อเป็นการยกย่อง และให้ข้อมูลเพื่อความเข้าใจการพัฒนาสู่การประสบความสำเร็จ และพึงนำเสนอประเด็นความล้มเหลว ปัญหา อุปสรรค และหาทางออกเพื่อพัฒนาวงการกีฬา
11.8.6 พึงให้ข้อมูลที่รอบด้าน หลากหลายประเด็น สอดแทรกกฎ กติกา เบื้องหลัง บทวิเคราะห์ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจต่อเด็ก และเยาวชนที่จะนำมาเป็นแบบอย่าง เพื่อให้เกิดความสนใจกีฬา ส่งเสริมความมีน้ำใจนักกีฬา และส่งเสริมแนวทาง การพัฒนาความเป็นเลิศทางกีฬาในสังคมไทย
11.8.7 พึงส่งเสริมโอกาสในการนำเสนอที่หลากหลายทั้งเรื่องเพศ วัย และกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายด้านอัตลักษณ์ในสังคม เช่น คนพิการ ชาติพันธุ์ ท้องถิ่น รวมทั้งให้โอกาสกับกีฬาที่ยังไม่ได้รับความนิยม
นอกจากผู้สื่อข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านข่าวเครือเนชั่นแล้ว นักข่าวอิสระ (สตริงเกอร์) และนักเขียน หรือช่างภาพอิสระ(ฟรีแลนซ์) แม้จะไม่ได้เป็นพนักงานประจำของกองบรรณาธิการใด แต่จำเป็นต้องมีมาตรฐานในการทำงาน และยึดแนวปฏิบัติเดียวกัน หากฝ่าฝืนหลักการ กองบรรณาธิการสามารถยกเลิกการมอบหมายงาน และไม่รับงานนักข่าว นักเขียน ช่างภาพผู้นั้นอีกต่อไป
หากทราบว่าสตริงเกอร์ หรือฟรีแลนซ์คนใด เรียกร้องสิทธิ หรือบริการพิเศษจากองค์กรหน่วยงาน หรือบริษัทใดๆ โดยอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวของเครือเนชั่น ให้บรรณาธิการยุติการว่าจ้างงาน หรือการมอบหมายงานโดยทันที
ก่อนมอบหมายงานข่าว นักข่าว และช่างภาพอิสระต้องเซ็นสัญญากับกองบรรณาธิการก่อน ว่าจะปฏิบัติตามหลักจริยธรรมของสื่อ และหลักปฏิบัติของเครือเนชั่น
หมวดที่ 12 หลักปฏิบัติ และจรรยาบรรณสื่อดิจิทัลทุกแพลตฟอร์ม (Nation Social Media)
ภายใต้หลักการของ "Nation Way" สื่อเครือเนชั่น พึงยึดถือหลักปฏิบัติในการใช้โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ ดังนี้
1.หลักการและแนวปฏิบัติทั่วไป
1.1 สื่อในเครือเนชั่น สามารถใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการรายงานข่าว และสามารถแสดงความเห็นได้โดยนักข่าวสามารถแสดงชื่อผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย เป็นชื่อเดียวกับการใช้งานในฐานะบุคคลธรรมดาได้ ทั้งนี้ต้องแยกแยะให้เห็นว่า ส่วนไหนเป็นข่าว ส่วนไหนเป็นความเห็น ในกรณีความเห็นให้คำนึงถึงประโยชน์สาธารณะด้วย
1.2 ต้องแสดงตำแหน่ง หน้าที่ สังกัด ให้ชัดเจน เพื่อความน่าเชื่อถือ และเพื่อให้ผู้ติดตามสามารถใช้ดุลยพินิจในการติดตามได้
1.3 Avatar พึงใช้รูปแสดงตัวตนที่แท้จริง และพึงงดเว้นการนำรูปบุคคลอื่น รูปบุคคลสาธารณะ มาแสดงว่าเป็นรูปของตนเอง
1.4 การใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่แสดงสังกัดความเป็นสื่อในเครือเนชั่น ไม่ว่าในรูปแบบใด ควรแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
1.5 พึงงดเว้นการใช้สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เป็นข้อมูลภายในองค์กร หรืออาจส่งผลกระทบต่อองค์กร
2. การใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็น ต้องยึดมั่นในหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งต้องไม่เป็นการสร้างความเกลียดชังระหว่างคนในสังคม ไม่ยุยงให้เกิดความรุนแรง ความแตกแยก จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม
3. พึงระมัดระวังกระบวนการหาข่าว หรือภาพจากสื่อสังคมออนไลน์ ควรมีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน รอบด้าน กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หรือรายงานข่าว ต้องอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อความ และข่าวสารนั้นเมื่อนำเสนอโดยรับรู้ถึงสิทธิ หรือลิขสิทธิ์ขององค์กร หรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลดังกล่าว และพึงมีช่องทางให้เจ้าของแจ้งสิทธิ เว้นแต่สามารถตรวจสอบ และอ้างอิงจากแหล่งข่าวได้โดยตรง
4. การนำเสนอข่าวโดยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ต้องให้ความเคารพ และยอมรับข้อมูล ข่าวสาร หรือภาพ ที่ผลิตโดยบุคคลอื่น ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การคัดลอก เลียนแบบข้อความใดๆ จากสื่อสังคมออนไลน์ พึงได้รับการอนุญาตจากเจ้าของข้อความภาพนั้นๆ ตามแต่กรณี รวมถึงมีกระบวนการเข้าถึงข้อมูลที่โปร่งใส และตรวจสอบได้
5. การใช้งานข้อมูลจากผู้ใช้สื่อ ที่เรียกว่า User-generated Content (UGC) อันได้แก่ ข้อมูลจากผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลจากผู้ทรงอิทธิพล (Influencer) บนโลกออนไลน์ อาทิ คลิปภาพ และเสียง ภาพนิ่ง ข้อความ ประสบการณ์ที่มีการแบ่งปันอยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ ทุกช่องทาง
6. พึงวิเคราะห์เนื้อหาจากสื่อสังคมออนไลน์ อย่างรู้เท่าทันข้อมูล โดยตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาหลายแหล่งที่มา และหาต้นทางของข้อมูลให้พบ ก่อนนำเสนอ
7. พึงระวังในการตรวจสอบข่าวลวง ข่าวปลอม (Fake News) และการตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มเคลื่อนไหว หรือข้อมูลที่หวังประโยชน์บางอย่างจากสังคม
8. พึงนำเสนอมุมมองจากทุกฝ่ายในคราวเดียวกัน เพื่อให้ลดความเป็นอคติต่อการรับข้อมูล และเคารพสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง
9. พึงระวังในการแสดงความเห็น การย่อความ หรือดัดแปลงข้อความที่ทำให้บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือขัดแย้ง
10. คำนึงถึงการไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล สิทธิมนุษยชน ด้วยการเลือกใช้คำ ภาษา และรูปแบบการนำเสนอที่ไม่เป็นการเหมารวม เช่น การใช้คำเรียกที่ตัดสิน หรือเหมารวมเป็นกลุ่ม การใช้คำที่กระตุ้นความรู้สึกเกลียดชังขัดแย้ง (Hate Speech)
11. ต้องละเว้นการใช้ข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีความรุนแรง และอนาจาร หากจำเป็นต้องนำเสนอเพื่อประโยชน์สาธารณะ ควรเลือกใช้มุมภาพ ภาพนิ่ง หรือภาพเสมือนจริงแทนการนำเสนอด้วยคลิปเพื่อลดความรุนแรง
12. ต้องไม่วนซ้ำภาพที่ตอกย้ำความรุนแรงในการนำเสนอ ในกรณี UGC ที่เป็นการถ่ายทอดสดบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาที่มีความรุนแรง ต้องใช้วิจารณญาณคาดการณ์เหตุการณ์ว่า ถ้ามีแนวโน้มในการพัฒนาไปในทางที่รุนแรงยิ่งขึ้น ต้องงดเว้นการแชร์ หรือลบลิงก์ หรือนำเสนอการถ่ายทอดสดบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่เหมาะสมไปใช้ในการรายงานข่าว
13. เนื้อหาที่อาจทำให้เกิดความไม่เหมาะสมต่อการใช้ภาษา การใช้ภาษาที่ล่อแหลม สื่อความหมายในเชิงลบ ก้าวร้าว ดูหมิ่น คำไม่สุภาพ พึงนำเสนอโดยการดูดเสียง หรือใช้เป็นเพียงภาพ Insert ประกอบการบรรยาย และอธิบายเนื้อหาของการรายงานข่าวโดยไม่ปล่อยเสียงจากเหตุการณ์จริง
14. พึงหลีกเลี่ยงการถ่ายทอดสดบนสื่อสังคมออนไลน์ (Real Time Streaming) และการรายงานสดด้วยข้อความแบบทันที และต่อเนื่อง (Real Time) ในกรณีที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน เหตุการณ์ที่มีพฤติกรรมแสดงออกถึงความรุนแรง การฆาตกรรม และการทำอัตวินิบาตกรรม
รวมถึงเนื้อหาในเชิงลบที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เยาวชน ความรุนแรงในครอบครัว เหตุการณ์ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ข้อมูลส่วนบุคคล ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความแตกต่าง และความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม การแสดงออกที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ยุยงให้ผู้อื่นเกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน
การเผยแพร่ข้อความ และเนื้อหาที่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อและหลอกลวงประชาชน ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ และพึงระวังเหตุการณ์ที่ขัดต่อกฎหมาย หรือภาพเหตุการณ์ที่ขัดต่อจริยธรรมของสื่อมวลชน
15. การตัดสินใจในการถ่ายทอดสด (Live) ควรผ่านกระบวนการของกองบรรณาธิการ และมีความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างบรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว
16. ในกรณีที่เวลาเป็นสาระสำคัญของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร พึงตระหนักถึงมิติของเวลาในการนำเสนอข่าวนั้นๆ ด้วยการเสนอข้อมูลตามลำดับเวลา และปรับปรุงข้อมูลให้เป็นข้อมูลล่าสุด และมีการนำเสนอที่รวมข้อมูลไว้ตามลำดับเหตุการณ์เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในการติดตามเหตุการณ์ และตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้
หมวดที่ 13 การแก้ไขข้อผิดพลาด
ผู้สื่อข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านข่าวในเครือเนชั่นต้องใช้ความระมัดระวัง และความรอบคอบเป็นอย่างยิ่งในการทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการรายงาน การเขียน และการนำเสนอเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นข่าว รายงาน บทความ สารคดี ภาพประกอบข่าว และไม่ว่าสื่อใดก็ตาม จะต้องระลึกเสมอว่า ความถูกต้องของข้อมูล และความเป็นธรรมในการเสนอข่าวและบทความต่างๆ เป็นหัวใจของความน่าเชื่อถือของสื่อต่างๆ ในเครือ
ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ต้องมีการแสดงความรับผิดชอบในทันที ด้วยการตีพิมพ์ ออนไลน์ ออกอากาศคำชี้แจง หรือมีข้อความขออภัยต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง หรือผู้ชม ต่อบุคคล หรือองค์กรที่อาจได้รับความเสียหายโดยบรรณาธิการสื่อนั้นๆ โดยไม่ชักช้า
สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละฉบับ ควรมีคอลัมน์ประจำในหน้าใดหน้าหนึ่ง ในตำแหน่งที่เด่นชัด เพื่อชี้แจง และแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน (เช่น ชื่อของแหล่งข่าว ตำแหน่ง ตัวเลข หรือข้อมูลอื่นๆ ที่คลาดเคลื่อน หรืออาจสร้างความเข้าใจผิดต่อผู้อ่าน) ในกรณีที่เป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง เช่น มีการรายงานข่าว หรือตีพิมพ์ภาพ ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่อาจสร้างความเสียหายให้กับตัวบุคคล องค์กร หรือสังคม จะต้องมีการตีพิมพ์ข้อความชี้แจง หรือการขออภัยในหน้าหนังสือพิมพ์ที่เหมาะสมกับระดับของความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้นทันที โดยบรรณาธิการของแต่ละสื่อจะเป็นผู้พิจารณาตามความ
เหมาะสม
สำหรับสื่อออนไลน์หากมีความผิดพลาด คลาดเคลื่อนในการรายงานข่าว การโพสต์ข่าว และภาพ ที่อาจสร้างความเสียหายให้กับองค์กร ตัวบุคคล ต้องลบข่าว ลบข้อความ และภาพ ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงออกโดยทันที รวมทั้งต้องโพสต์ข้อความชี้แจง หรือขออภัยโดยเร็ว โดยบรรณาธิการจะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดตามความเหมาะสม
หากการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกิดความผิดพลาด จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือองค์กรอื่น ต้องดำเนินการแก้ไขข้อความที่มีปัญหาโดยทันที หรือลบออกจากทุกช่องทางที่มีการเผยแพร่ พร้อมทั้งแสดงถ้อยคำขอโทษต่อบุคคล หรือองค์กรที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ต้องให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายมีโอกาสชี้แจงข้อมูลข่าวสารในด้านของตนด้วย
พึงระมัดระวังเรื่องการตรวจสอบข้อมูลการนำเสนอ หากมีการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาด ต้องมีการแก้ไขข้อมูล และประกาศให้ทราบในวงกว้างถึงข้อมูลที่มีการแก้ไข เพื่อลดการกระจายข้อมูลที่ผิด
พึงตระหนักว่าพื้นที่บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล ข้อมูลที่มีการรายงานจะถูกบันทึกไว้ และอาจมีผลทางกฎหมายได้
ในกรณีของสื่อโทรทัศน์ และวิทยุ ให้ออกอากาศคำชี้แจง หรือโพสต์ข้อความขออภัยที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดหากความผิดพลาดเกิดจากความประมาทเลินเล่อ ความสะเพร่า หรือความสับสนของฝ่ายข่าวเอง คำชี้แจง หรือข้อความขออภัย ต้องมีความชัดเจน ไม่อ้อมค้อม หรือมีลักษณะแก้ตัวเป็นอันขาด
พึงระลึกอยู่เสมอว่า การแสดงความรับผิดชอบด้วยการรับผิดเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เป็นวิธีการลดระดับความเสียหาย และรักษาไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของสื่อในเครือที่ดีที่สุด
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง จะต้องดำเนินการตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างมาตรฐานการทำงานให้น่าเชื่อถือ และลดความผิดพลาดในอนาคต
บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ถือว่าคู่มือ Nation Way หลักจริยธรรม และแนวปฏิบัติของคนข่าวเครือเนชั่น(Code of Conduct) เป็นวินัยในการทำงาน ซึ่งพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืน ถือเป็นการกระทำผิดวินัย และจะถูกลงโทษตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท