"ศิธา"ชี้"สอท.-ทสท."จะรวบพรรคหรือไม่เป็นเรื่อง 2 ส.ต้องไปคุยให้ชัด

14 ตุลาคม 2565 "น.ต.ศิธา ทิวารี" เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า การควบรวมพรรคซึ่งกฎเกณฑ์การเลือกตั้ง หา ส.ส.พึงมีหาร 100 หรือ 500 เมื่อเกิดขึ้น พรรคใดที่คำนวณแล้วว่า จะได้ ส.ส. 20-30 คน จะเหลืออยู่ไม่ถึง 10 คน ดังนั้น เป้าหมายแรกแต่ละพรรคต้องมีจำนวน ส.ส. ที่ชนะเลือกตั้งให้ได้เกิน 25 คน แคนดิเดตนายกฯจึงจะมีผลตามกฎหมาย

ทั้งนี้ จึงเป็นไปได้ที่ 2-3 พรรค คะแนนไม่ถึงอาจจะมารวมกัน ซึ่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯสามารถส่งได้ถึง 3 คน ความคืบหน้าตนเชื่อว่ายังไม่ถึง 10% ยังต้องมีการหารือกันอีกเยอะจึงจะควบรวม

"ประเด็นที่ตอนนี้สื่อถามกันเยอะ คือ พรรคไทยสร้างไทยกับพรรคสร้างอนาคตไทย ต้องเรียนว่าในส่วนที่เหมือนกัน คือ ท่านสมคิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เคยร่วมงานกันในสมัยของไทยรักไทย โดยในสมัยนั้นมีอดีตนายกฯทักษิณเป็นหัวหน้าพรรค" น.ต.ศิธา กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีบางส่วนที่ประชาชนยังสงสัย คือ ในช่วงเวลาที่ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เข้าร่วมกับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" โดยในส่วนนี้ต้องชัดเจนว่าที่แตกออกมา เป็นเรื่องของผลประโยชน์ หรือเป็นเรื่องของอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกัน

นอกจากนี้ และการที่ไปช่วยต่อยอดให้กับพลังประชารัฐ ณ เวลานั้น เป็นการต่อยอดในลักษณะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ หรือประโยชน์ทางการเมือง ในส่วนนี้ต้องชัดเจน ท่าทีในส่วนนี้ จะเป็นตัวตัดสินใจของทางฝั่งไทยสร้างไทย ว่าจะเดินหน้าด้วยกันหรือไม่

น.ต.ศิธา ยังกล่าวอีกว่า ทั้ง 2 ส. (ดร.สมคิด และ คุณหญิงสุดารัตน์) ต้องไปคุยกันเองสองคน ว่าจุดมียืนอย่างไร ซึ่งตนมองว่าไม่ได้ขัดต่อกฎหมายของพรรคการเมือง ยกตัวอย่าง นิยามง่ายๆ อย่าง พลังประชารัฐ ส.ส. หลายคนในช่วงใกล้เลือกตั้งครั้งที่แล้ว โดนชนักปักหลัง แล้วถูกขู่ว่าถ้าไม่ย้ายไป จะถูกดำเนินคดีต่างๆ เพราะทุกคนที่ย้ายออก

ขณะที่เพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นประธานยุทธศาสตร์ ทุกคนที่ออกจากพรรคมาหารือกัน ปรากฎว่าสามารถทำได้จริง เมื่อย้ายไปก็รอด กี่คนที่รอดก็ไปหาดู คนที่ไม่รอดก็มีบ้าง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่อยู่พลังประชารัฐ ไม่ได้ไปด้วยความเต็มใจที่จะร่วมกับเผด็จการ แต่ถูกเอาชนักปักหลัง ทุกวันนี้ (14ต.ค.) ก็กลับมาอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยกันเยอะ ดังนั้น ในส่วนของพรรคที่จะมาร่วมกันต้องชัดเจนทั้งสองฝ่าย