
พิธีศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่จตุรัสเซนต์ ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ในวันนี้ (26 เมษายน) ได้รับความสนใจจากทั่วโลก แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ใช่คาทอลิก เพราะในขณะที่ทรงมีพระชนม์ชีพ ทรงแสดงความเป็นผู้นำคริสตจักร ที่เปี่ยมไปด้วยความมตตาและความถ่อมตน
พิธีพระศพในวันนี้ ไม่เพียงเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองมรดกที่พระองค์ทรงสร้างไว้ เช่น การปฏิรูปคริสตจักร การรณรงค์เพื่อความยุติธรรมทางสังคม และการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ในช่วงกว่า 3 วันที่ผ่านมา มีประชาชนราว 250,000 คน เข้าร่วมสักการะพระศพสมเด็จพระสันตะปาปา ที่ประทับอยู่ในโลงพระศพ ที่เน้นความเรียบง่ายและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน ตามพระประสงค์ของพระองค์ ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ซึ่งเปิดเผยหลังการสิ้นพระชนม์ด้วยภาวะสโตรกและพระหทัยล้มเหลว ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา เมื่อวันที่ 21 เมษายน ตรงกับวันอีสเตอร์
สำนักวาติกันได้จัดเตรียมพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างพิถีพิถัน โดยประดิษฐานในโลงพระศพแบบเปิด ทรงสวมฉลองพระองค์สีแดงประดับด้วยผ้าคลุมไหล่สีขาว สวมหมวกไมเตอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งพระสันตะปาปา ส่วนโลงพระศพเน้น "เรียบง่ายที่ซ่อนความพิเศษ" อันเป็นจุดเด่นที่สะท้อนถึงตัวตนของพระองค์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วัสดุและการออกแบบ : โลงพระศพทำจากไม้สนคุณภาพสูง ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในพิธีพระศพของพระสันตะปาปามานานหลายศตวรรษ ดีไซน์เรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งด้วยโลหะมีค่าหรืออัญมณี เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตอันถ่อมตนขอสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ : ด้านในโลงบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึงความรักและการเสียสละของพระเยซูคริสต์ บนโลงประดับด้วยไม้กางเขนสีเงินขนาดเล็ก และสลักตราประจำตำแหน่งพระสันตะปาปา คือ กุญแจสองดอกไขว้กัน ดอกหนึ่งเป็นสีทองและอีกดอกหนึ่งเป็นสีเงิน ผูกด้วยเชือกสีแดง ซึ่งหมายถึง "กุญแจสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์"
โลงพระศพสามชั้น : ตามประเพณีของพระสันตะปาปา พระศพจะถูกฝังในโลงสามชั้น โดยโลงชั้นแรกทำจากไม้สน (ใช้ในพิธีแห่และถวายความอาลัย) ชั้นที่สองทำจากตะกั่ว มีน้ำหนักเบาและปิดผนึกอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการเน่าเปื่อย และชั้นที่สามที่อยู่นอกสุด ทำจากไม้โอ๊กที่มีความทนทานสูง เพื่อปกป้องโลงทั้งสองชั้นในระยะยาว
"พิธีปลงพระศพ" เริ่มเมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลานครรัฐวาติกัน ซึ่งตรงกับเวลา 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีพระราชวงศ์, ประมุขแห่งรัฐ, และผู้นำรัฐบาลหรือ องค์ระดับโลกเข้าร่วมราว 150 คน ซึ่งในระหว่างการประกอบพิธี พระศพ" พระคาร์ดินัล จิโอวานนี่ บัตติสต้า รี วัย 90 ปี ได้นำสวดคำอธิษฐานของผู้ศรัทธา (Prayer of the Faithful) หรือ คำอธิษฐานสากล (Universal Prayer) แต่พิธีการได้แตกต่างจากพิธีศพของพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ โดยพระคาร์ดินัลได้สวดภาวนาสั้นๆ 6 ภาษา ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส อาหรับ โปรตุเกส โปแลนด์ เยอรมัน และเป็นครั้งแรกที่มีภาษาจีนกลาง หรือ แมนดาริน และบทสวดยังเน้นการรำลึกถึงคุณงามความดี ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ทรงยึดมั่นในความเมตตาและความยุติธรรม
หลังเสร็จพิธี พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ถูกฝังไว้ ณ มหาวิหารซานตา มาเรีย มัจโจเร ซึ่งพระองค์ทรงเลือกเอง เนื่องจากทรงเคยไปสวดภาวนาที่นี่บ่อยครั้ง
ส่วนขั้นตอนการฝังยังคงเน้นเรียบง่าย มีป้ายหลุมศพสลักคำว่า "ฟรานซิสซัส" (Franciscus) ซึ่งเป็นภาษาลาติน และไม่มีเครื่องประดับเพิ่มเติม การเลือกฝังที่นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปี ที่พระศพของพระสันตะปาปาไม่ได้ถูกฝังในนครวาติกัน